'ดร.สุเมธ' นำประกาศเกียรติคุณ 77 คนดี 4 เยาวชนต้นแบบแทนคุณแผ่นดิน

'ดร.สุเมธ' นำประกาศเกียรติคุณ 77 คนดี 4 เยาวชนต้นแบบแทนคุณแผ่นดิน

“น่าเบื่อนะความดี ความไม่ดีตื่นเต้นกว่า แต่ยังไงก็ต้องทำความดี เพราะถ้าไม่ทำแล้วความเลวก็จะมาแทนที่ และกินพื้นที่หมด จึงต้องไม่เบื่อทำดี ต้องทำต่อเนื่อง...”

กว่าหนึ่งทศวรรษที่ "โครงการแทนคุณแผ่นดิน" เดินหน้าค้นหา “คนดี” จากทุกภูมิภาคทั่วประเทศไทย เพื่อส่งเสริมให้เกิดการทำความดี และยกย่องบุคคลที่ทำความดี เพื่อให้ “ความดี” เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต และสร้างแรงบันดาลใจให้แก่คนในสังคมไทยต่อไป ล่าสุดได้จัดพิธีมอบโล่รางวัลเกียรติยศแก่คนดีประจำปี 2561 โดยมี ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา มาเป็นประธานในพิธีมอบรางวัล 77 คนดีแทนคุณแผ่นดิน พร้อมด้วย ดร.เกรียงศักดิ์ เทพผดุงพร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อำพลฟู้ดส์โพรเซสซิ่ง จำกัด มอบรางวัลต้นแบบคนรุ่นใหม่แทนคุณแผ่นดิน อีกทั้งเป็นปีแรกที่มีการเพิ่มรางวัลสำหรับคนทำงานจิตอาสา "คนไทยใจอาสา” ท่ามกลางผู้มีเกียรติทุกสาขาอาชีพเข้าร่วมแสดงความยินดีคับคั่ง ที่ห้องบอลรูม ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ เมื่อวันก่อน

สมชาย มีเสน ประธานเจ้าหน้าที่ บริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงที่มาของการมอบรางวัลแห่งการทำดีนี้ว่า นับเป็นปีที่ 12 แล้วที่มีการดำเนินการมอบรางวัลคนดีแทนคุณแผ่นดิน จากครั้งแรกจนถึงวันนี้เรายังคงมุ่งมั่นค้นหาคนดีเพื่อคัดเลือกมาเข้ารับรางวัล ตามที่ท่าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กล่าวว่า “คนดีต้องค้นหา” คณะกรรมการจึงได้เฟ้นหาคนดีทั้ง 77 จังหวัด เพราะคนดีไม่ค่อยแสดงตัว แต่โครงการนี้อยากให้คนดีเป็นแบบอย่างให้ทุกคนในอนาคต โดยเฉพาะลูกหลานคนรุ่นใหม่ เป็นการสานต่อหรือทำตาม สืบสานพระบรมราโชวาทของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่า “ให้ทุกคนทำความดี ความดีส่งต่อกันได้ และชักจูงให้คนมาทำความดีร่วมกันได้”

ด้าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล ประธานมอบรางวัลเชิดชูคนดีแทนคุณแผ่นดินประจำปีนี้ กล่าวว่า ได้ติดตามโครงการตั้งแต่ปีแรก ไม่น่าเชื่อว่าจะเดินทางมาถึง 12 ปีแล้ว ทำให้เกิดความยั่งยืน จนกระทั่งวันนี้ได้รวบรวมคนดีได้ 832 แล้ว เป็นหยดน้ำหยดหนึ่งของความดี เชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยเป็นคนดี การจะนำมาขึ้นเวทีมอบรางวัลทั้งหมดคงไม่ได้ จึงต้องคัดเลือกแล้วทยอยมามอบรางวัลเพื่อเป็นกำลังใจ

“พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เคยรับสั่งว่า น่าเบื่อนะความดี ความไม่ดีตื่นเต้นกว่า แต่ยังไงก็ต้องทำความดี เพราะถ้าไม่ทำแล้วความเลวก็จะมาแทนที่ และกินพื้นที่หมด จึงต้องไม่เบื่อทำดี ต้องทำต่อเนื่อง...น่าดีใจว่าวันนี้มีคนดีมาครบทุกจังหวัด เป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต โครงการนี้ทำให้ได้รู้ว่าคนดีมีอยู่จริง การทำความดียังเป็นการทวนกระแสความพอใจของมนุษย์ ความดีที่ทุกคนทำเป็นการเดินตามรอยของในหลวงรัชกาลที่ 9 ถ้าเรานำพระบรมราโชวาทของพระองค์ท่านมาปฏิบัติ ก็เป็นการสืบต่อความดีให้อยู่ชั่วลูกชั่วหลาน เป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศชาติให้เจริญสืบไป” เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าว พร้อมกับเสริมด้วยว่า ทุกวันนี้สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโครงการจิตอาสา เราทำความดี ด้วยหัวใจ ให้บำเพ็ญประโยชน์ให้ชุมชนต่างๆ เพื่อประโยชน์สุขอย่างมั่นคงและยั่งยืน กล่าวได้ว่าในหลวงรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นแบบอย่างในการทำความดีที่สำคัญยิ่ง

สำหรับการมอบรางวัลเกียรติยศ “แทนคุณแผ่นดิน” ปี 2561 “77 ต้นแบบคนดี สู่ 65 ล้านคนดีทั่วไทย” แบ่งเป็นรางวัลคนดีแทนคุณแผ่นดินภูมิภาคต่างๆ ดังนี้ ภาคเหนือ 15 คน อาทิ จ.เชียงใหม่ พระครูวิวิธประชานุกูล อายุ 56 ปี ผู้ให้ความสำคัญกับผู้ป่วยทางจิต ผู้ติดสุรา รวมถึงผู้ติดเชื้อเอดส์ และคนยากไร้ โดยจัดตั้งโครงการฟื้นฟูบำบัดทางกายและใจ, จ.น่าน อรุณศิลป์ ดวงมูล หรือ “พ่อครูแห่งลำน้ำน่าน” วัย 68 ปี ที่เปิดบ้านของตัวเองเป็นศูนย์เรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมการแสดงพื้นบ้านจังหวัดน่านฟรีให้แก่ผู้สนใจ, จ.อุตรดิตถ์ ประทุมทิพย์ ไพเราะ อายุ 56 ปี ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาลท่าอิฐ ที่สอดแทรกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในการเรียนการสอน รวมถึงธนาคารขยะรีไซเคิล ปลูกฝังการออมแก่เด็กๆ เป็นต้น

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 คน อาทิ จ.ขอนแก่น เกียรติศักดิ์ พันธาโฮม อายุ 46 ปี ผู้มีแนวคิดตำบลจัดการตนเอง นำอนุรักษ์ป่าชุมชน โดยสร้างเยาวชนให้หวงแหนป่าชุมชน และขยายเครือข่ายไปอีก 30 ตำบลทั่วขอนแก่น, จ.บุรีรัมย์ ร.ต.อ.อภิชิต ภัณฑะประทีป ฉายา “ผู้กองหนุ่มพ่อพระเด็กยากจน” ที่ช่วยสอนหนังสือให้เด็กๆ โดยนำเงินส่วนตัวไปเช่าตึก ซื้ออาหาร และหนังสือเรียนให้น้องๆ, จ.สกลนคร อัครเดช ยอดจำปา หรือ “ก้อง ห้วยไร่” นักร้องหนุ่มวัย 30 ปี ที่ทำโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ก้าวตามฮอย ซอยบ้านเกิด หาเงินซื้อเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลสกลนคร เป็นต้น

ภาคกลางและภาคตะวันออก 28 คน อาทิ จ.ปราจีนบุรี แสงชัย แหเลิศตระกูล หรือ “หมอแสง” ผู้ค้นพบและริเริ่มผลิตยาสมุนไพรเพื่อรักษาโรคมะเร็งแจกให้แก่ผู้ป่วยมากว่า 10 ปี, จ.สมุทรสาคร ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” ที่รู้จักกันดีในคดีมหากาพย์หวย 30 ล้าน นำความรู้ข้อกฎหมายไปบรรยายให้เด็กๆ ตามโรงเรียนต่างๆ ในโครงการ “พี่สอนน้อง” ให้เป็นคนดีของสังคม เป็นต้น

และภาคใต้อีก 24 คน อาทิ จ.นราธิวาส ว่าที่ร้อยโทดิลก ศิริวัลลภอายุ 76 ปี ล่าม แปลภาษามลายูประจำพระองค์ พระบาทสมเด็จพระบรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทุกวันนี้ครูดิลกยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิด ทำหน้าที่ให้ความรู้แก่ทุกหน่วยงาน, จ.ภูเก็ต นิรันดร์ หยังปาน อายุ 42 ปี แกนนำในการเรียกร้องที่ดินทำกินในพื้นที่เขาและชาวเลอยู่อาศัยมานาน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น เป็นต้น ขณะที่รางวัลต้นแบบคนรุ่นใหม่แทนคุณแผ่นดิน มีภูมิภาคละ 1 คน รวม 4 คน

รางวัลต้นแบบคนรุ่นใหม่แทนคุณแผ่นดินจากภาคกลางและตะวันออก จ.สระแก้ว เกสร สิงห์โตเผือก อายุ 20 ปี จิตอาสาดูและคนชราและผู้พิการ ในชื่อ “กลุ่มจิตอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิต” รวมทั้งเป็นแกนนำรณรงค์หยุดยั้งปัญหา “แม่วัยใส” เผยความรู้สึกหลังได้รับรางวัลว่ารู้สึกเป็นเกียรติที่มีคนมองเห็นสิ่งที่ทำ ส่วนตัวชอบทำกิจกรรมจิตอาสามาตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จนตอนนี้อยู่ปี 2 คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา ก็ยังทำอยู่ ไปเยี่ยมคนชรา คนพิการ หรือแม้แต่ผู้ป่วยติดเตียง ทุกครั้งที่กอดให้กำลังใจ รู้สึกว่าเขามีพลังในการใช้ชีวิตมากขึ้น ทำแล้วได้ความสุขทางใจ เป็นการช่วยแบบไม่หวังผล

“นอกจากนี้ยังเป็นวิทยากรให้ความรู้น้องๆ ผู้หญิงในการป้องกันการท่องก่อนวัยอันควร ให้ความรู้เป็นกลุ่มตั้งแต่ มัธยมศึกษาชั้นปีที่ 2-มัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วขยายไปโรงเรียนอื่นๆ ติดตามผลพบว่าสามารถลดจำนวนการตั้งครรภ์ในวัยเด็กได้จริง รู้สึกหายเหนื่อย ทำดีไม่เหนื่อย เห็นคนมีความสุข แก่ปัญหาได้ เราก็อิ่มใจ ถึงเป็นส่วนเล็กๆ ก็ยังดี อยากให้เพื่อนๆ มาร่วมทำประโยชน์ให้ส่วนรวม แม่ไม่มีใครเห็นแต่อย่างน้อยเราทำเองเราเห็น”

รางวัลคนดีแทนคุณแผ่นดิน จากจังหวัดพิจิตร รักกี้ สุขประเสริฐ อายุ 44 ปี “ขุนศึกลูกพ่อปู่กอบกู้แม่น้ำพิจิตร” ผู้ใหญ่บ้านผู้ริเริ่มฟื้นฟูแม่น้ำพิจิตร เผยว่าได้ถือเอาการพัฒนาแม่น้ำพิจิตรเป็นวาระเร่งด่วน ตลอดจนทำการซ่อมแซม และหาเครื่องยนต์มาใช้ในการเปิดประตูระบายน้ำเน่าเสียให้กลับมาสวยงาม และเปลี่ยนระบบนิเวิศน์ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์ ทำให้เกษตรกรที่อาศัยอยู่ทั้ง 3 ฝั่งได้มีน้ำใช้

“การทำความดีไม่จำเป็นต้องบอกใครว่าเราทำ แม้จะเป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็เชื่อว่าในความดีที่เราทำมีค่ายิ่งใหญ่เสมอ และอย่ารอเวลา เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เราจะมีโอกาสตื่นมาทำความดีหรือเปล่า ทุกเช้าอยากให้ตื่นมาแล้วถามตัวเองว่าวันนี้เราจะทำความดีอะไรเพื่อสังคม” รักกี้ กล่าว

ตัวแทนคนดี จ.สมุทรสาคร ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ “ทนายตั้ม” บอกว่า รู้สึกเป็นเกียรติและดีใจที่ได้รับเลือกให้รับรางวัล จริงๆ เป็นตัวแทนชาวสมุทรสาคร อยากเป็นตัวอย่างให้เด็กและเยาวชนจึงคิดโครงการ “พี่ช่วยน้อง” ให้ความรู้น้องๆ เรื่องกฎหมายเบื้องต้น รวมถึงเรื่องรักในวัยเรียน การใช้โซเชียลมีเดีย การรักพ่อแม่ เชื่อฟังครูอาจารย์ ตลอด 10 ปี่ผ่านมามีน้องๆ ผ่านการอบรม 2 แสนกว่าคนแล้ว

“ผมมองว่าเยาวชนเป็นเหมือนผ้าขาว เราปลูกฝังอะไรเขาย่อมเป็นแบบนั้น เด็กๆ ปลูกฝังง่ายกว่าผู้ใหญ่ ผมว่าการจะทำอะไรสักอย่างก้าวแรกยากเสมอ แต่ทำไปแล้วก็ไม่ยากเลย สำคัญที่เรากล้าที่จะเริ่มหรือเปล่า อยากให้คนทำความดีกันเยอะๆ ทำไปเรื่อยๆ สักวันคยจะเห็นเอง และไม่ต้องสนใจคำวิจารณ์ต่างๆ นานา ใช้การกระทำของเราเป็นเครื่องพิสูจน์” ทนายตั้ม เชิญชวนทำดี

ด้านตัวแทนคนดีแทนคุณแผ่นดินจากสกลนคร อัครเดช ยอดจำปา หรือ “ก้อง ห้วยไร่” ที่ทำโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ก้าวตามฮอย ซอยบ้านเกิด" หาเงินซื้อเครื่องมือแพทย์ให้โรงพยาบาลสกลนคร กล่าวขอบคุณที่ช่วยต่อยอดกำลังใจให้คนที่ตอบแทนบ้านเกิด การร่วมสร้างความสุขให้ชุมชน อยากมอบรางวัลนี้ให้นักปั่น นักวิ่ง ทีมแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลสกลนคร ลำพังตัวเองคงทำไม่สำเร็จ หรือทำให้คนทั่วไปรู้จักโครงการนี้ ส่วนตัวคิดว่าความดีนั้นสร้างความสุขให้ตัวเองไม่ใช่สร้างสุขให้คนอื่น ถ้าเราทำแล้วมีความสุขก็ขอให้ทำต่อไป

“ผมเคยบวชมา จึงใช้หลักพระพุทธศาสนาในการดำเนินชีวิต ชื่อเสียงเงินทองได้มาเดียวก็หายไป ผมเคยตั้งคำถามเงินทองที่ได้มาสักวันมันจะหมดมั้ย ก็พบว่าต้องหมด แต่จะทำอย่างไรให้หมดไปแบบมีประโยชน์ เลยตัดสินใจนำเงินทองที่ได้มาใช้ให้เกิดประโยน์ทั้งตัวเองและเพื่อคนอื่น อยากฝากน้องๆ เยาวชนทุกคนว่าจริงๆ แล้วที่พี่ทำอยู่ทุกวันนี้ไม่ใช่สิ่งที่วาดฝันไว้ แค่อยากทำงานหาเงินเลี้ยงตัวและครอบครัวได้ หนึ่งชีวิตของมนุษย์แค่ไม่เป็นภาระสังคมและครอบครัวก็ประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว” นักร้องหนุ่มคนดัง เผยทิ้งท้าย