Smart Living เมืองอัจฉริยะเชื่อมการแพทย์ฉุกเฉิน

Smart Living เมืองอัจฉริยะเชื่อมการแพทย์ฉุกเฉิน

เวทีวิชาการการแพทย์ฉุกเฉินโชว์นวัตกรรม Thailand Smart Living สร้าง เมืองอัจฉริยะ เชื่อมระบบการแพทย์ฉุกเฉิน รองรับสังคมสูงวัยและดูแลผู้ป่วยภาวะติดเตียง หรือประชากรกลุ่มเปราะบาง 

 ในงานประชุมวิชาการภาคประชาชนครั้งที่ 2 ภายใต้หัวข้อ "ยุทธศาสตร์ตำบลปลอดภัย หัวใจการแพทย์ฉุกเฉิน" โดยสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) นอกจากจะพูดคุยในเวทีวิชาการแล้วมีการนำเสนอวัตกรรรมที่เกี่ยวกับระบบการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อใช้ลดอัตราของการบาดเจ็บและเสียชีวิตของประชาชนในทุกวัยรวมถึงผู้สูงอายุและประชากรกลุ่มเปราะบางต่างๆด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือนวัตกรรม "Thailand Smart Living" สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับสังคมสูงวัยและดูแลผู้ป่วย หรือผู้สูงอายุที่ภาวะติดเตียง คนพิการ หรือประชากรกลุ่มเปราะบาง 

รศ.วิรุฬห์ ศรีบริรักษ์ อาจารย์คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา หัวหน้าโครงการและผู้คิดค้น Thailand Smart Living กล่าวว่า  โครงการเกิดขึ้นจากการมองเห็นถึงปัญหาทางสังคมโดยได้หยิบยกเอาปัญหาคุณภาพชีวิตและความปลอดภัยของผู้สูงอายุหรือประชากรกลุ่มเปราะบางต่างๆ ซึ่งช่วยเหลือตนเองไม่ได้และไร้คนดูแล 

"กลุ่มประชากรดังกล่าวมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงต้องดึงประเด็นปัญหาสังคมตรงส่วนนี้ออกมา เมื่อเรารู้ว่าสังคมมีความต้องการในเรื่องใด หรือประสบปัญหาอะไรอยู่ เราก็จะต้องมาช่วยกันแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้ ซึ่งหากเราช่วยกันแก้ไขปัญหาได้ก็จะสามารถสร้างความมั่นคงและคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชากรในประเทศของเราทุกวัยได้" รศ.วิรุฬห์ กล่าว


สำหรับรูปแบบนวัตกรรมของระบบ "Thailand Smart Living"  จะเน้นการสร้างระบบการดูแลสุขภาพของผู้สูงอายุ ผู้พิการ และประชากรกลุ่มเปราะบางต่างๆ ในเมืองหรือในชุมชนที่ไม่สามารถพึ่งพิงตนเองได้ผ่านรูปแบบการทำงานแบบ Smart Public Healthcare ที่จะเชื่อมโยงข้อมูลทั้งเทศบาลเมือง โรงพยาบาลชุมชนหรือโรงพยาบาลเอกชน คลินิกชุมชนหรือคลินิกเอกชน โดยในระบบ Smart Public Healthcare จะประกอบไปด้วย  ระบบติดตามและแจ้งเตือนผู้สูงอายุภายในบ้านผ่านสายรัดข้อมืออัจฉริยะที่คอยเก็บข้อมูลและรายงานกิจวัตรประจำวัน พร้อมทั้งอุปกรณ์ในสายรัดข้อมืออัจฉริยะจะเรียนรู้รูปแบบการเคลื่อนไหวของผู้ใช้งาน ตรวจนับการออกนอกพื้นที่พักอาศัยเพื่อป้องกันการพลัดหลง และแจ้งเตือนเมื่อเกิดอุบัติเหตุหกล้มหรือต้องการขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน สามารถส่งการแจ้งเตือนไปยังครอบครัวหรือผู้ดูแลเพื่อให้ความช่วยเหลืออย่างทันท่วงที

  ในระบบ Smart Public Healthcare จะมีอุปกรณ์เกตเวย์ประจำบ้าน ที่จะเป็นอุปกรณ์รับสัญญาณจากสายรัดข้อมือ พร้อมทั้งติดตามกิจกรรมปุ่มขอความช่วยเหลือไร้สาย หรือตัวทวนสัญญาณอื่นๆ ที่อยู่ภายในพื้นที่และส่งข้อมูลจากอุปกรณ์ดังกล่าวไปยังระบบ Cloud บนอินเทอร์เน็ต เพื่อทำการวิเคราะห์และรายงานสถานะบนระบบดาต้าเบสและแอพพลิเคชั่น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นโทรศัพท์ฉุกเฉินเพื่อติดต่อกับหน่วยงานที่ดูแลผู้ใช้บริการสามารถรับข้อมูลจากอุปกรณ์รัดสายข้อมือติดตามกิจกรรมและปุ่มขอความช่วยเหลือ 

ในระบบยังมีปุ่มขอความช่วยเหลือไร้สาย เป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาสำหรับติดตั้งไว้ในที่พักอาศัยใช้สำหรับผู้สูงอายุและกลุ่มประชากรเปราะบางขอความช่วยเหลือ อุปกรณ์จะทำงานโดยการกดที่ตัวอุปกรณ์หรือดึงสายกระตุกที่ห้อยจากตัวอุปกรณ์ ซึ่งจะทำให้เกิดการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังเบอร์ที่ได้กำหนดไว้ อาทิ สายด่วน 1669 หรือเบอร์ญาติ

ทั้งนี้ ความน่าสนใจนอกจากอุปกรณ์เทคโนโลยีไฮเทคต่างๆ แล้ว รูปแบบการทำงานของ Smart Public Healthcare ยังมีระบบติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ ซึ่งจะมีการแสดงข้อมูลที่ได้รับจากอุปกรณ์ที่ติดตั้งและใช้งานอยู่ในพื้นที่ ซึ่งจะช่วยให้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นสามารถติดตามและเฝ้าระวังเหตุการณ์ที่ผิดปรกติที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้าให้การช่วยเหลือในกรณีมีเหตุการณ์ฉุกเฉินได้อย่างทันท่วงทีด้วย

ขณะที่ นพ.ไพโรจน์ บุญศิริคำชัย รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวว่า Thailand Smart Living อยู่ระหว่างการทดลองเชื่อมโยงการทำงานในระบบสายด่วน 1669 ของสถาบันฯ  ซึ่งหากประสบผลสำเร็จจะกระจายติดตั้งให้กับท้องถิ่นต่างๆ ทั่วประเทศ นอกจากนี้ในส่วนของ สพฉ.เองก็ได้พยายามพัฒนาระบบในการแจ้งเหตุให้ตอบรับกับยุค 4.0 ไม่ว่าจะเป็น การจัดทำแอพพลิเคชั่นแจ้งเหตุฉุกเฉิน และยังพัฒนาการทำงานร่วมกับหน่วยงานภารรัฐอื่นๆ ในอนาคตประชาชนจะสามารถแจ้งเหตุผ่านวีดิโอคอลได้อีกช่องทางหนึ่งด้วยเช่นกัน