'ผู้การฯอุดร' ลั่นฟันอาญาลูกน้อง ปม6ตร.รีดส่วยหมูยอ

'ผู้การฯอุดร' ลั่นฟันอาญาลูกน้อง ปม6ตร.รีดส่วยหมูยอ

ผบก.ภ.อุดรธานี รับบกพร่องดูแลลูกน้องไม่ดี ลั่นฟันอาญาปม6ตร.รีดส่วยหมูยอ พร้อมส่งต่อไปยัง ปปท. ดำเนินการต่อ

กรณีนายเจษฎา ปานะถึก ผอ.ศูนย์ดำรงธรรม จ.อุดรธานี นำเจ้าของโรงงานลูกชิ้นและหมูยอ “อริญชัย” ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี เข้าแจ้งความว่าถูกตำรวจชุดป้องกันปราบปราม และละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา สังกัด ภ.จว.อุดรธานี กรรโชกทรัพย์ 7 หมื่นบาท และเรียกเก็บส่วยรายเดือนอีกเดือนละ 5,000 บาท

เมื่อวันที่ 8 กันยายน พล.ต.ต.พีระพงศ์ วงษ์สมาน ผบก.ภ.จว.อุดรธานี กล่าวว่า ขณะนี้กรรมการสืบสอบข้อเท็จจริงที่มีการแจ้งความว่า มีใครที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และทำความผิดอะไร เบื้องต้นมีข้อมูลมากพอสมควร รวมทั้งตัวผู้ที่เกี่ยวข้องว่ามีใครบ้าง ซึ่งตำรวจในชุดดังกล่าว มีตำรวจสังกัด ภ.จว.อุดรธานี และมีตำรวจจากชุดสืบสวนภาค 4 อีก 1 นาย โดยอำนาจบังคับบัญชาขั้นต้นอยู่ที่ตน แต่อำนาจการปกครองส่วนที่มาจากภาค 4 ที่แท้จริง อยู่ที่บก.สส.ภ.4 ซึ่งการกระทำผิดเป็นการกระทำของบุคลากร 2 หน่วยร่วมกัน จึงต้องเสนอเรื่องไปยังตำรวจภาค 4 จึงต้องส่งเรื่องที่สืบสวนข้อเท็จจริงเสร็จแล้ว ให้ทางตำรวจภาค 4 ตั้งกรรมการสอบสวนแล้ว ใช้เวลาตรวจสอบข้อเท็จจริงตามเอกสารอีก 1-2 วัน

“โดยทางตำรวจภาค 4 สามารถออกคำสั่ง ดำเนินการทางวินัยกับตำรวจที่มีเรื่องทั้งหมดได้ หรือจะส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาสอบสวนร่วมกับทาง ภ.จว.อุดรธานี เพื่อที่จะได้ทำการสอบสวนทางวินัยในภาพรวมครั้งเดียว เบื้องต้นมีคำสั่งให้ตำรวจชุดนี้ที่มี 5-6 นาย หยุดปฏิบัติหน้าที่ไปแล้ว และจะมีคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่ประจำ ศปก.ภ.จว.อุดรธานี และกรรมการตรวจสอบทางวินัย จะเข้ามาดำเนินการตรวจสอบว่า มีใครกระทำความผิดอย่างไร ส่วนจะมีคำสั่งให้ตำรวจทั้งหมดออกจากราชการไว้ก่อน ตามที่รองโฆษก สตช.แถลงอยู่ที่ทางตำรวจภาค 4 ว่าจะมีคำสั่งอย่างไร”

พล.ต.ต.พีระพงศ์ กล่าวอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นแบ่งเป็น 2 เรื่อง คือ เรื่องคดีอาญา เรื่องกรรโชกทรัพย์ ทางสภ.เมืองอุดรธานี จะต้องดำเนินการตามที่ผู้เสียหายเข้าแจ้งความ โดยพนักงานสอบสวนจะดำเนินการสอบสวนใน 30 วัน และจะส่งเรื่องไปยัง ปปท.ดำเนินการต่อ เรื่องที่ 2 คือ การดำเนินการทางวินัย ทางผู้บังคับบัญชาต้นสังกัด ต้องตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องวินัย

ส่วนที่ผู้เสียหายเริ่มถอดใจ หากมาถอนแจ้งความ พล.ต.ต.พีระพงศ์ ตอบว่า เรื่องนี้เป็นคดีอาญาที่มีความผิดต่อแผ่นดิน ที่ไม่สามารถถอนแจ้งความได้ หากผู้เสียหากถอย ทางพนักงานสอบสวนต้องรุกเข้าไปหา เพื่อหาหลักฐานข้อมูลต่าง ๆ ว่ามีมากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้เรื่องทางวินัยตำรวจชุดนี้ต้องถูกดำเนินการอยู่แล้ว ส่วนเรื่องคดีอาญา เราต้องให้ความยุติธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ที่เมื่อผู้เสียหายมาร้องทุกข์กล่าวโทษ เราก็ต้องดำเนินการสอบสวน เรื่องของข้อมูลพยานหลักฐานต่าง ๆ เมื่อสอบสวนเสร็จส่งสำนวนให้อัยการ แล้วก็เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม หากอัยการมีความเห็นว่าผิดก็สั่งฟ้อง หากเห็นว่าไม่ผิดไม่สั่งฟ้อง หรือให้สอบเพิ่ม เมื่อส่งฟ้องศาล ก็อยู่ที่ศาลจะตัดสินออกมาอย่างไร แต่ทั้งนี้การดำเนินการทางวินัยก็ต้องทำควบคู่ไป

ที่ผ่านมา ตนกำชับมาตลอดว่า ในการปฏิบัติหน้าที่ต้องเป็นไปอย่างถูกต้อง ตำรวจอย่างไปทำผิดเอง ที่ผ่านมา 3 ปี ที่ผมอยู่ที่อุดรธานี ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ที่มีการจับกุมดำเนินคดีให้ออกจากราชการจนตำรวจในสังกัดไม่กล้ากระทำผิดในการเข้าไปข้องเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ยังมีตำรวจไปปลิ้นออกไปทางอื่นที่ไม่ใช่ยาเสพติด

"เรื่องนี้คงต้องแก้ปัญหาในภาพรวม ที่ต้องดูในบ้าน ดูในครัว ดูปาก ดูมือ ดูท้อง ของผู้ใต้บังคับบัญชาว่า เขาสะอาดพอไหม เขาอิ่มหรือว่าหิว เรื่องที่เกิดขึ้นมา มันคงเลี่ยงไปจากความรับผิดชอบของผมไม่ได้เลย ว่าดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างไร ทำไมถึงไปกระทำความผิด เรื่องนี้ผมคงต้องพิจารณาตัวเองด้วย”

นอกจากนี้ พล.ต.ต.พีระพงศ์ จะเข้าไปเยี่ยมผู้เสียหายในวันจันทร์นี้ หลังทราบจากผู้สื่อข่าวว่า ผู้เสียหายมีความหวาดกลัว หลังจากเข้าแจ้งความ เพื่อให้เขาเกิดความสบายใจ และสร้างความมั่นใจกับเขาต่อกระบวนการยุติธรรม