GULF - ซื้อ

ชัยชนะของ GULF จากการประมูลโรงไฟฟ้า SPP ในประเทศโอมานตอกย้ำความเชื่อมั่นของเราต่อความสามารถในการเติบโตในระยะยาวของ GULF แต่ยังไม่หมดแค่นี้ เพราะ GULF ยังมีแผนที่จะขยายกำลังผลิตในต่างประเทศเพื่อที่จะเสริมการเติบโตของกำลังการผลิตในอนาคตให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นอีก GULF ยังคงเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่เราชอบมากที่สุด
โดยเราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 ขึ้นมาเป็น 84 บาท

ก้าวแรกในอ่าวเปอร์เซีย

ภายในเวลาเพียงหนึ่งเดือนของก้าวที่ยิ่งใหญ่ในเวียดนาม GULF ได้ประกาศชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งในการประมูลโรงไฟฟ้าในประเทศโอมาน โดยจะเข้าถือสัดส่วนการลงทุน 45% ของโครงการ Duqm Independent Power & Water (โรงไฟฟ้าก๊าซ SPP ขนาด 326 เมกะวัตต์ และ มีกำลังการผลิตน้ำจืดอีก 1,667 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง) ด้วยสมมติฐานโครงสร้างค่าไฟแบบ cost-plus และ IRR ของโครงการที่ประมาณ 9% เราคาดว่าโครงการนี้จะเพิ่มกำไรหลักของ GULF ขึ้นมา 283 ล้านบาทในปี 2566 (เพิ่มขึ้น 3% จากประมาณการปัจจุบันของเรา) ซึ่งเป็นปีแรกที่โครงการเริ่มดำเนินการเต็มปี และส่งผลให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 เพิ่มขึ้น 2 บาทต่อหุ้น

...มีโอกาสสำหรับการขยายการลงทุน

โครงการนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ Duqm ในประเทศโอมานแบ่งออกเป็น 3 เฟส โดยจะทยอยเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือน ก.ค. ปี 2563 จนถึงเดือน พ.ค. ปี 2565 โครงการนี้มีสัญญาซื้อไฟฟ้าและน้ำเป็นระยะเวลา 25 ปีโดยมีโอกาสที่จะต่อสัญญาอีก 5 ปี เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าและน้ำให้แก่โรงกลั่น Duqm (กำลังการกลั่นน้ามันดิบอยู่ที่ 2.3 แสนบาร์เรลต่อวัน) อีกทั้งโรงกลั่นดังกล่าวยังตั้งอยู่ศูนย์กลางของพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ดังนั้นจึง อาจมีโอกาสในการขยายกาลังการผลิตไฟฟ้าในอนาคต

การขยายการลงทุนในต่างประเทศ....เรื่องราวการเติบโตในอนาคต

เพียงแค่ 6 เดือนหลังจาก GULF ประกาศแผนขยายการลงทุนในตลาดต่างประเทศ บริษัทฯได้เพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าเข้ามาในพอร์ตแล้วถึง 362 MWe (จาก 215MWe ในประเทศเวียดนาม และ 147MWe ในประเทศโอมาน) โดยในแผนระยะยาว บริษัทฯ คาดว่าจะมีรายได้จากต่างประเทศประมาณ 20-30% ของรายได้ทั้งหมด (หรือคิดเป็นกำลังผลิตราว 2,000-3,000 MWe) ถ้า GULF สามารถขยายกำลังการผลิตในต่างประเทศได้ตามแผน ก็จะถือเป็นอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายของเรา และน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้น GULF ในอนาคตอีกด้วย

ซื้อตอนนี้!

เราได้รวมโครงการในประเทศโอมานไว้ในการประมาณการของเราและปรับเพิ่มประมาณการกำไรหลักขึ้นเป็น 4.6 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1%) สำหรับปี 2563, 6.4 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3%) สำหรับปี 2564, 8.1 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3%) สำหรับปี 2565 และ 10.5 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 3%) สำหรับปี 2566 ส่งผลให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 ปรับเพิ่มขึ้นจาก 82 บาท มาเป็น 84 บาท นอกจากนี้เราคาดว่าตลาดจะมีการปรับคาดการณ์กำไรและราคาเป้าหมายขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นในระยะสั้น ด้วยปัจจัยหนุนทั้งในระยะสั้นและภาพของกำลังการผลิตที่เติบโตในระยะยาวที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม ทำให้เรายังคงชอบ GULF มากที่สุดในกลุ่มโรงไฟฟ้า