'รมต.ประจิน-ปลัดยธ.' แจงปมโยกบิ๊กDSI ลั่นไม่เจาะจงย้ายอดีตตร.

'รมต.ประจิน-ปลัดยธ.' แจงปมโยกบิ๊กDSI ลั่นไม่เจาะจงย้ายอดีตตร.

ยันย้าย "รองอธิบดีดีเอสไอ" ไม่ใช่ลดบทบาท ไม่เจาะจงต้องย้ายอดีตตร.ออกไป ปัดให้ศึกษาข้อกฎหมายเคลียร์เก้าอี้ผอ.กองคดี ขณะที่ "ปลัดยธ." แจงโยกรองอธิบดีคุมประพฤติไปดีเอสไอ เพราะมีทักษะสืบสวน ถนัดงานสอดส่องพฤติกรรม

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีการโยกย้ายระดับผู้บริหารในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษมีหน้าที่รับผิดชอบหลายคดี ที่ผ่านมาได้ปรับลดภารกิจคดีพิเศษให้เหลือ 20 คดีจาก 30 กว่าคดี จึงต้องจัดบุคลากรให้เหมาะสมกับงาน แม้ที่ผ่านมาจะทำได้ดี แต่ยังต้องการเจ้าหน้าที่ในสายงานที่เชี่ยวชาญจากทุกสาขาเข้ามาร่วมสืบสวนคดีที่มีความซับซ้อน เพื่อให้งานมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีความครบถ้วนหลากหลาย สามารถทำงานร่วมกับหลายส่วนได้ จึงจำเป็นต้องมีบุคลากรหลากหลายสายงานให้ตรงกับการภาระหน้าที่ของดีเอสไอ ส่วนคนที่ทำหน้าที่ในปัจจุบันก็ต้องเติบโตขึ้นเป็นผู้ตรวจราชการ รองปลัดกระทรวง หรือปลัดกระทรวง หรือไปเติบโตในหน่วยงานอื่นที่สังกัดกับกระทรวงยุติธรรมได้ จึงต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้มีโอกาสเติบโตขึ้น โดยไม่ถือว่าทุกคนที่อยู่ในดีเอสไอต้องเกษียณอายุราชการที่ดีเอสไอ

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีให้ฝ่ายกฎหมายศึกษาถึงการโยกย้ายในระดับผอ.กองคดี เพื่อนำบุคลากรจากหน่วยงานอื่นเข้าไปทดแทนว่าจะทำได้หรือไม่ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า การโยกย้ายระดับผอ.กองคดีต้องให้อธิบดีดีเอสไอเป็นผู้พิจารณาว่าการทำงานของแต่ละแผนกรับผิดชอบเรื่องใดบ้าง มีบุคคลทำงานครบถ้วนหรือไม่ หากครบแล้วก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร หากไม่ครบถ้วนก็สลับสับเปลี่ยน ยืนยันว่าการสับเปลี่ยนตำแหน่งในดีเอสไอ ไม่ได้หมายความว่าต้องเจาะจงให้ตำรวจออกไป และไม่ได้เป็นการลดบทบาทของดีเอสไอ แต่เป็นการปรับโครงสร้างให้เหมาะสมกับการทำงาน เพราะประเทศไทยมีหน่วยรับผิดชอบงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงาน ดีเอสไอจึงต้องทำงานร่วมกันหลายหน่วย อย่าไปมองว่าดีเอสไอจะต้องรับผิดชอบงานตามความต้องการของพวกเรา

“ดีเอสไอมีขีดจำกัดในการสืบสวนสอบสวนคดีที่มีความสลับซับซ้อน จึงต้องมีสัดส่วนผู้บริหารที่เหมาะสมและสามารถทำงานให้กระทรวงได้ สำหรับสัดส่วนที่จะเฉลี่ยให้เป็นสหวิชาชีพนั้น ต้องพิจารณาที่เนื้องานว่ายังขาดบุคลากรสายใดก็เติมเต็มจุดนั้นให้ครบถ้วน โดยแต่ละแผนกจะมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านไม่เท่ากัน ขณะที่ระดับผู้บริหารก็ต้องมีการปรับตำแหน่งขึ้นตามลำดับ ซึ่งตามหลักแล้วระดับปฏิบัติและระดับบริหารต้องดำเนินการควบคู่กันให้มีความเหมาะสมต่องาน” พล.อ.อ.ประจิน กล่าว

ด้านนายวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า กระทรวงยุติธรรมมีหน่วยงานที่มีความสามารถในการสืบสวนมีหลายหน่วย ไม่ได้มีเฉพาะดีเอสไอ การย้ายรองอธิบดีกรมคุมประพฤติก็สามารถเสริมงานด้านการสืบสวนได้ เนื่องจากกรมคุมประพฤติเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่สืบสวนข้อเท็จจริงมาโดยตลอด ทั้งการช่วยศาลสืบสวนสอดส่องความประพฤติเพื่อดำเนินคดีอาญา รวมถึงการดูแลประชาชนที่ถูกคุมประพฤติด้วย จึงเชื่อว่าสามารถทำงานได้