'รมต.หัวร้อน' กร้าวไม่กลัวถูกปลด เอาชีวิตเดิมพัน ต้องเลิกใช้3สารพิษ

'รมต.หัวร้อน' กร้าวไม่กลัวถูกปลด เอาชีวิตเดิมพัน ต้องเลิกใช้3สารพิษ

ประกาศกร้าวอีกครั้ง..โต้กระแสสั่งปลดกระหึ่ม! "รมต.วิวัฒน์" ไม่กลัวหลุดเก้าอี้ เอาชีวิตเดิมพันต้องเลิกใช้ 3 สารพิษทันที เผยนายกฯไม่เคยเรียกพบเพื่อปลดออก ด้าน "รมว.เกษตรฯ" โทรคุยด่วน


ผู้สื่อข่าวรายงาน กระแสข่าวจะปลด นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ออกจากตำแหน่ง กรณีประกาศลุยปัญหาสารพิษ 3 ชนิด พาราควอต คอร์ไพริฟอส ไกลโฟรเซต แสดงจุดยืนของตนไม่มีคำว่าลดหรือควบคุมการใช้ แต่ต้องเลิกใช้เท่านั้น ประกาศผลักดันให้เกิดพื้นที่เกษตรอินทรีย์เป้าหมาย 5 ล้านไร่ หากทำไม่ได้ก็พร้อมลาออกนั้น

ล่าสุด นายวิวัฒน์ ศัลยกำธร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้ให้สัมภาษณ์เช้าวันนี้ ผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ทางช่อง NOW26 โดยดนัย เอกมหาสวัสดิ์ และอมรรัตน์ มหิทธิรุกข์ ระบุวันนี้อยู่ที่แม่แจ่ม ว่าไม่ทราบเรื่องกระแสจะถูกปลดออกจากตำแหน่ง และนายกฯ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่คุยเรื่องนี้ เผยนายกฯบ่นว่าจะให้เลิกใช้สารพิษ จะต้องทำอย่างไรบ้าง และนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้โทรคุยเกี่ยวกับกระแสข่าวถูกปลดแล้ว พร้อมให้กำลังใจ

"ถ้าผมหลุดเก้าอี้ก็จะได้มีเวลาทำงานกับชาวบ้าน..เดิมพันด้วยชีวิต ไม่ใช่แค่ตำแหน่งมันเรื่องเล็ก"

รมช.เกษตรและสหกรณ์ ได้เปิดเผยภายหลังประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเกษตรอินทรีย์แห่งชาติ ว่า รัฐบาลนี้ตั้งใจผลักดันให้เกิดพื้นที่เกษตรอินทรีย์เป้าหมาย 5 ล้านไร่ ได้กำหนดกลุ่มคนเป้าหมายที่ได้รับอาหารบริโภคที่ผลผลิตจากวัตถุดิบอินทรีย์ ปลอดภัยไม่มีสารพิษ การใช้ปุ๋ยยาจากสารเคมี โดยเฉพาะเด็กนักเรียน 12 ล้านคนทั่วประเทศ ต้องกินอาหารไม่มีสารพิษ แม้แต่ไนโตเจนในปุ๋ยก็ห้าม เพราะมีผลต่อการพัฒนาสมองไอคิวเด็ก ซึ่งเรื่องสุขภาพเด็กสำคัญที่สุดต้องได้รับดูแลไม่อย่างนั้นประเทศไทยไม่รอด และกลุ่มคนเกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล 7 ล้านรายต่อวัน กลุ่มสามร้านอาหารทุกแห่งต้องการใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่มีมาตรฐานปลอดภัยของไทยรับรองเองด้วยเกษตรกร ทำความซื่อสัตย์ สุจริต ไม่โกง ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรฐานของต่างชาติ รวมถึงนักท่องเที่ยว มาไทยต้องการอาหารที่ดีต่อสุขภาพเช่นกัน

รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า สำหรับปัญหาสารพิษ 3 ชนิด พาราควอต คอร์ไพริฟอส ไกลโฟรเซต จุดยืนของตนไม่มีคำว่าลด หรือควบคุมการใช้ ต้องเลิกใช้เท่านั้น การตัดสินใจแบนสารพิษภายในเวลาเท่าไหร่ อยู่ที่คณะกรรมการศึกษาผลกระทบ ที่นายสุวพันธ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกฯเป็นประธาน โดยนายกรัฐมนตรี ตั้งขึ้นให้มาศึกษา ภายใน 60 วันรวมทั้งผมได้ตั้งทำงานคณะกรรมการเฉพาะกิจ ซึ่งมีนายธีระ วงษ์เจริญ ที่ปรึกษารมช.เกษตรฯเป็นประธาน พร้อมด้วยนายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อ.ภาควิชาประสาทวิทยา คณะแพทย์สาสตร์จุฬาลงกรณ์ เป็นคณะทำงาน มาศึกษาเรื่องสารพิษ หาข้อมูลอย่างรอบด้านครบถ้วน ภายใน 30 วันเพื่อเสนอคณะกรรมการฯที่นายกฯตั้งขึ้น

"ผมมีความเชื่อมั่นต่อการตัดสินใจคณะกรรมการชุดนี้ รวมถึงจะพิจาณาผลกระทบต่อเกษตรกร ซึ่งมีกรรมการในบอร์ดใหญ่ของคณะกรรมการวัตถุอันตรายบางคนบอกว่าถ้าแบนสาร3ชนิดเกษตรกรไม่มีสารเคมีใช้ จะเจ๊ง ส่วนผมอยากให้เลิกทันที แต่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับกรรมการเฉพาะกิจ"

ทั้งนี้ จากข้อมูลปริมาณการนำเข้า 3 สารเคมี ปี 2560 ระบุว่า พาราควอต (ยาฆ่าหญ้า) 44.5 ล้านกิโลกรัม มูลค่า 3.8 พันล้านบาท , ไกลโฟเซต (ยาฆ่าหญ้า) 59.8 ล้านกิโลกรัม มูลค่า 3.3 พันล้านบาท และคลอร์ไพริฟอส (ยาฆ่าแมลง) 3.3 ล้านกิโลกรัม มูลค่า 607 ล้านบาท