พบศพสาวพาณิชย์ นอนเปลือยตายปริศนาคาห้องพัก เงินสด-พระเครื่องหาย ตร.คาดถูกฆาตรกรรม ส่งศพผ่าพิสูจน์ พบผู้ต้องสงสัย 4-5 คน รอผลดีเอ็นเอเปรียบเทียบหาตัวคนทำผิด
เมื่อเวลา 08.00น.วันที่ 7 กันยายน ร.ต.ท.จตุรภัทร ศิริโอภา รอง สว.(สอบสวน) สน.ตลาดพลู รับแจ้งเหตุหญิงสาวตายเปลือยปริศนา ภายในตึกแถวเลขที่46 ซอยเทอดไท22 แขวงตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพฯ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ต.สัมฤทธิ์ ตงเต๊า ผบก.น.8 พ.ต.อ.ประสงค์ อานมณี ผกก.สส.บกน.8 พ.ต.อ.บรรยง แดงมั่นคง ผกก.สน.ตลาดพลู เจ้าหน้าที่กองพิสูจ์หลักฐาน แพทย์นิติเวชโรงพยาบาลศิริราชและเจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นตึกแถว 3 ชั้นแบ่งให้เช่าปลูกติดกันหลายหลัง ชั้นล่างเป็นห้องรับแขกชั้น 2 เป็นห้องนอน และจุดเกิดเหตุอยู่บนชั้นที่ 3 แบ่งซอยเป็นห้องนอน 3 ห้อง ภายในห้องนอนริมระเบียงพบศพน้องเมย์ อายุ19 ปี นักศึกษาปวส. นอนหงายตายเปลือยอยู่บนฟูกที่นอนริมหน้าต่าง ลักษณะนอนขวางกับที่นอน มีบาดแผลที่โหนกแก้มด้านขวา ในตาขวาถูกกระทบกระแทกจนเป็นห้อเลือด ที่ลำคอมีร่องรอยของการบีบกด เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 4-5 ชั่วโมง ถูกคลุมด้วยผ้านวมสีขาวมีน้ำปริศนาเปียกบางส่วน และยังเปียกบนที่นอนอีกด้วย บนที่นอนยังพบขนเพชรและขนหน้าแข้ง จึงเก็บไว้ตรวจดีเอ็นเอว่าเป็นของผู้ใด ใกล้กันยังพบโทรศัพท์ของผู้ตายวางอยู่ กระเป๋าเงินพร้อมบัตรต่างๆของผู้ตายหายไป แต่ไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือรื้อค้นแต่อย่างใด
จากการสอบสวนนายทวียศ รัตนอุทัยวงศ์ อายุ 53 ปี พ่อผู้ตาย ให้การว่า ตนพักอยู่คนละบ้านกับลูกสาว โดยบ้านที่เกิดเหตุมีคนอาศัยรวมกัน 4 คน คือ พี่ชายน้องเมย์ นายเอกชัย ศรีเชิงชัย อายุ 29 ปี เพื่อนลูกชายที่อยู่ด้วยกันมาได้ประมาณ 5-6 ปีแล้ว และนายพันปิติ อายุ 19 ปี แฟนน้องเมย์ผู้เสียชีวิต น้องเมย์เป็นเด็กขยันเลิกเรียนภาคปกติแล้วก็จะไปทำงานต่อที่ร้านเสต็กใกล้บ้าน เลิกงานกลับบ้านประมาณ4 ทุ่มกว่า ก็จะมาขายสินค้าประเภทเซรั่มบำรุงผิวออนไลน์ บางครั้งก็จะเอาเงินมาให้ตนใช้ ซึ่งตนยังงงและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนยืนยันได้ว่าลูกสาวตนไม่ได้ป่วยเป็นโรคประจำตัวใดๆ ร่างกายแข็งแรงดี หากจะเป็นการฆาตรกรรมก็ขอให้ตำรวจช่วยให้ความเป็นธรรมกับลูกสาวตนช่วยจับคนร้ายมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุดด้วย
ด้านนายพันปิติ นักเรียนปวช.3 สถาบันเดียวกัน เพื่อนชายน้องเมย์ ให้การว่า ตนคบหากับเมย์มาได้ประมาณปีเศษ และมานอนค้างที่บ้านนี้เกือบทุกคืนจนเป็นที่รับรู้กับผู้ใหญ่ทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนเกิดเหตุตนไปรับเมย์ที่ร้านเสต็กตอน 4 ทุ่มกว่าๆ แล้วไปส่งที่บ้านช่วงเกือบ 5 ทุ่ม จากนั้นได้กลับไปหาพ่อที่บ้านเอกชัย ก่อนจะกลับมาที่ห้องอีกทีตอนเช้า ตนไขกุญแจเข้าบ้านตามปกติ แต่เมื่อขึ้นไปถึงห้องเมย์ปรากฏว่าประตูไม่ได้ล็อก ตนเปิดเข้าไปก็พบว่าน้องเมย์กลายเป็นศพแล้ว ปกติทุกคืนเมย์จะล็อกประตู แต่เนื่องจากที่ห้องไม่ได้ติดแอร์จึงมักไม่ได้ปิดล็อกประตูและหน้าต่างริมระเบียง อาจเป็นไปได้ที่จะมีคนร้ายปีนเข้ามาทางริมระเบียง ส่วนทรัพย์สินที่สูญหายไปมีกระเป๋าเงินของเมย์และพระเครื่องไม่ทราบจำนวนในห้องนอนชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องของแม่เมย์
ส่วนนายเอกชัย ให้การว่า ตนทำงานที่ห้างโฮมโปร สาขาพระราม 3 กลับถึงห้องตอนประมาณ 6 โมงเย็น นั่งดูหนังแล้วเผลอหลับไป จนกระทั่งรู้สึกตัวอีกทีตอนที่น้องเมย์กลับมาถึงห้อง โดยที่ตนเปิดประตูค้างไว้ จึงลุกขึ้นมาปิดประตู ก่อนจะกลับไปนอนต่อจนถึงเช้า มารู้อีกทีก็เพราะนายพันปิติมาบอก ตนยืนยันให้ตรวจดีเอ็นเอไปเทียบกับศพน้องเมย์ได้ ยืนยันว่าไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับการตายแต่อย่างใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าตึกแถวที่เกิดเหตุเลขที่ 46 ด้านขวาเลขที่ 44 จะมีเหล็กแหลมยาวกั้นไม่สามารถข้ามมายังห้องที่เกิดเหตุได้ ส่วนด้านซ้ายเลขที่ 48 และ50 เป็นตึกแถวที่มีวัยรุ่นมาเช่าอยู่ ไม่มีเหล็กแหลมกั้น สามารถปีนข้ามมาถึงห้องที่เกิดเหตุได้อย่างง่ายดาย จากการสอบสวนยังทราบด้วยว่าน้องเมย์กับแฟนหนุ่มมักมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้ง ซึ่งก่อนเกิดเหตุนายพันปิติไปรับน้องเมย์ที่ร้านเสต็กใต้สะพานลอยข้ามแยกตลาดพลู แล้วกลับมาส่งที่ห้อง ขึ้นไปบนห้องบอกให้น้องเมย์ซักเสื้อผ้าและทำความสะอาดห้อง หลังจากนั้นได้เดินทางกลับไปที่บ้านย่านถนนเอกชัย เมื่อกลับมาที่ห้องอีกครั้งช่วงเที่ยงคืนเศษ พบว่าน้องเมย์ยังไม่ได้ทำภารกิจใดๆเลย อาจมีการทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือกันจนเลยเถิดหรือไม่ต้องรอผลตรวจจากแพทย์อีกครั้ง
ด้านพล.ต.ต.สัมฤทธิ์ กล่าวว่า เบื้องต้นเหตุนี้คาดว่าจะเป็นเหตุฆาตรกรรมอย่างแน่นอน แต่ยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าเสียชีวิตด้วยวิธีใด รวมทั้งผลการข่มขืนต้องรอผลตรวจจากแพทย์นิติเวช โรงพยาบาลศิริราชผ่าพิสูจน์อย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้มีผู้ต้องสงสัยอยู่ประมาณ3-4คน ซึ่งก็ต้องส่งไปตรวจดีเอ็นเอเพื่อเปรียบเทียบกับหลักฐานที่พบในห้อง เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด
