ดีเอสไอลุย 'รังเย็น' สอบเชิงลึก คาดมีพื้นที่ถูกบุกรุกหมื่นไร่

พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.ประวุธ วงศ์สีนิล รองอธิบดีดีเอสไอ พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร รองอธิบดีดีเอสไอ ร่วมกับกรมป่าไม้, กรมที่ดิน, กรมพัฒนาที่ดิน และเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ ร่วมกันเปิดปฏิบัติการทวงคืนผืนป่า ในพื้นที่รังเย็นรีสอร์ท.ซึ่งอยู่ในความครอบครองของบริษัท ซี.พี.เค.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุกป่า ซึ่งเคยมีการออกเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. จำนวน 147 แปลง เนื้อที่ 6,229 ไร่ ซึ่งกรมที่ดิน ได้มีคำสั่งเพิกถอนทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่า เป็นการออก น.ส.3 ก. โดยใช้หลักฐาน ส.ค.1 จากอ.ด่านซ้าย บินมาสวมเป็นหลักฐานในการออกเอกสารสิทธิ์ในอ.ภูเรือ สค.1 ดังกล่าวจึงผิดที่และผิดตำแหน่ง

พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ภายหลังกรมป่าไม้ร้องขอให้ดีเอสไอรับคดีรังเย็นรีสอร์ทไว้เป็นคดีพิเศษ ได้ประสานขอรับสำนวนการสอบสวนคดีอาญาจากสภ.โคกงามมาประกอบการสอบสวนของดีเอสไอ โดยปฏิบัติการตรวจค้นครั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งพยานหลักฐานมาดำเนินคดีกับบริษัทซี.พี.เค.ฯ ตามพ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 ซึ่งมีการเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบ โดยสค. 1 จากอ.ด่านซ้าย หรือ สค.บิน มาใช้เป็นหลักฐานอ้างการทำประโยชน์ในที่ดินเพื่อออกนส.3 ก.ในอ.ภูเรือ. ทั้งนี้สภาพพื้นที่เกิดเหตุเป็นภูเขาสูง บุคคลใดไม่สามารถยึดถือครอบครองได้ นอกจากนี้ยังพบว่ามีการถือครองพื้นที่ต้องสงสัยถูกบุกรุกเพิ่มเติมอีกจำนวนหนึ่ง

จากการสืบสวนสอบสวนทางภูมิศาสตร์ ด้วยการส่งโดรน หรืออากาศยานไร้คนขับสำหรับถ่ายทำแผนที่ ที่มีความละเอียดสูง (e bee) ในบริเวณพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งจะใช้เวลา 2 ชั่วโมง บินเก็บภาพถ่ายแผนที่เต็มทุกแปลงเนื้อที่ราว 10,000 ไร่ เบื้องต้นพบว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ มีการเข้าครอบครองทำประโยชน์ มีสิ่งปลูกสร้าง เช่น รังเย็นรีสอร์ท. บ้านชัยชนะซึ่งเป็นบ้านพักส่วนตัว กรงเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่. และมีการปลูกพืชผลทางการเกษตร ได้แก่ ต้นแมคคาดาเมียร์ ต้นยูคาลิปตัส ผลไม้อื่นๆ มีการสร้างอ่างเก็บน้ำ ตัดถนน ตลอดจนมีระบบสาธารณูปโภคไฟฟ้าแรงสูง น้ำประปา เข้าไปถึงในพื้นที่ นอกจากนี้ ภาพถ่ายทางอากาศยังพบว่าพื้นที่นอกเขต น.ส.3 ก. มีร่องรอยการถูกบุกรุกเพิ่มเติม. ซึ่งดีเอสไอจะสอบสวนพยานบุคคลที่ถูกกล่าวอ้างนำชื่อมาใช้ประกอบการยื่นขอเอกสารสิทธิ เพื่อประกอบการสอบสวนในคดีนี้ต่อไป

สำหรับอากาศยานไร้คนขับสำหรับถ่ายทำแผนที่ ที่มีความละเอียดสูง (e bee) ที่นำมาใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้มีเทคโนโลยีทันสมัยที่สุดในประเทศไทย ภาพถ่ายที่ได้มีความคมชัดสูง บินที่ระดับความสูง 200 เมตร สามารถมองเห็นและจับภาพบนพื้นดินที่มีขนาดเพียง 10 ซ.ม. โดยมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนเพียงหลักมิลลิเมตรเท่านั้น