ศาลออกระเบียบจ่ายรางวัลล่า ผตห.-จำเลย หนีคดี

ศาลออกระเบียบจ่ายรางวัลล่า ผตห.-จำเลย หนีคดี

ยุติธรรมเต็มระบบ! ศาลอาญา เผยติดกำไลให้ประกันคนไร้หลักทรัพย์ 282 ราย พบสัญญาณขาดส่อหนี 8 ราย ตามได้ 3 ราย ส่วนระเบียบฯ สินบนนำจับ ตร. เริ่มจ่ายแล้ว 11 คดีกว่า 2 แสนบาท

เมื่อวันที่ 2 ก.ย.61 นายวิทยา บุญชัยวัฒนา รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ได้กล่าวถึงประสิทธิภาพการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ หรือ กำไลข้อเท้า EM ในการให้ประกันตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ไม่มีหลักประกัน หรือหลักประกันไม่เพียงพอ เพื่อให้ได้รับโอกาสเท่าเทียมในการได้รับประกันตัว ตามนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ และเพื่อลดจำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำว่า นับตั้งแต่ศาลอาญาได้รับอุปกรณ์ EM มาจากสำนักงานศาลยุติธรรมเพื่อติดให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยที่ไม่มีหลักประกันตัวและประสงค์ติดอุปกรณ์ ตามเกณฑ์ที่ศาลได้กำหนดแล้ว ตั้งแต่เดือน มี.ค.61 ที่ผ่านมา จนถึงเดือน ส.ค.นี้ ศาลอาญาได้ติดอุปกรณ์กับผู้ต้องหาแล้ว 319 ราย ทั้งกรณีที่ไม่มีการวางหลักประกันเลย กับกรณีที่ศาลเรียกหลักประกัน 20% พร้อมติดอุปกรณ์ โดยมีผู้ต้องหาหรือจำเลยที่สัญญาณอุปกรณ์ขาดหายไปแล้วติดต่อไม่ได้และขาดนัด 8 รายที่มีทั้งชาย-หญิง ซึ่งตามกฎหมายการติดอุปกรณ์เมื่อไม่สมารถติดต่อได้ หรือไม่มาตามกำหนดนัดให้เชื่อว่าหลบหนีก็เสนอให้ศาลอาญาไว้ โดยภายหลังสามารถติดตามตัวมาได้ 3 รายเป็นคดีเกี่ยวกับยาเสพติดและคดีฉ้อโกงก็ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า มีทั้งกรณีการทำลายอุปกรณ์ และก็ไม่มาตามนัด ส่วนอีก 5 รายยังติดตามตัวต่อไป

ทั้งนี้ ส่วนของคนที่หนีติดตามตัวมาได้แล้ว ศาลก็พิจารณาไม่ให้ผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นประกันตัวแล้วและเพิกถอนสัญญาการประกันตัว ถือเป็นการลงโทษอย่างหนึ่ง รวมทั้งการสั่งปรับนายประกันเต็มจำนวนตามวงเงินคดีนั้นๆ เช่น 300,000 บาท หรือล้านบาท เพราะหลักการติดอุปกรณ์ EM เพื่อช่วยเหลือการได้รับอิสรภาพโดยไม่ต้องใช้เงินซึ่งเชื่อว่าจะไม่หลบหนีและให้โอกาสได้รับความสะดวกการแสวงหาพยานหลักฐานมาต่อสู้คดีขณะอยู่นอกเรือนจำ แต่ขณะเดียวกันศาลก็ต้องเคร่งครัดไม่ให้เกิดความเสียหายใดต่อกระบวนการยุติธรรมด้วย ส่วนที่ต่อไปผู้ต้องหาหรือจำเลยนั้นจะใช้สิทธิยื่นประกันตัวใหม่อีกตามกฎหมาย ก็ทำได้ แต่ประวัติที่เคยทำลายอุปกรณ์ EM ที่ใช้ติดตามตัวโดยมีเจตนาหลบหนีศาลก็จะนำมาใช้ประกอบดุลยพินิจพิจารณาจะให้หรือไม่ให้ประกันต่อไปด้วย อย่างไรก็ดีก่อนการจะให้ออกหมายจับ ก็ต้องมีรายงานมาให้ชัดเจนก่อนว่าพฤติการณ์ที่ผ่านมาเคยผิดนัดหรือไม่ หรืออยู่ในพื้นที่อับสัญญาณ หรือแบตเตอรี่หมดทำให้สัญญาณขาดหายเพียงช่วงหนึ่ง

นายวิทยา รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่า กรณีที่มีการหลบหนี หากไต่สวนแล้วได้ความชัดเจนว่า มีการทำลายอุปกรณ์ EM โดยมีเจตนาหลบหนีคดี ผู้ต้องหรือจำเลยนั้นก็ต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าอุปกรณ์ที่ถูกทำลายไปด้วย โดยบริษัทเอกชนที่สำนักงานศาลยุติธรรมเช่าเครื่องอุปกรณ์ EM มา ก็จะไปผู้เรียกร้องค่าเสียหายในทรัพย์สินนั้น ดังนั้นเมื่อได้อิสรภาพในการได้ปล่อยตัวโดยมีการติดอุปกรณ์ EM แล้วก็ไม่ควรทำลายอุปกรณ์ อีกทั้งระหว่างขั้นตอนการใส่อุปกรณ์ผู้ต้องหาหรือจำเลยควรร่วมมือให้เบอร์ติดต่อผู้ใกล้ชิดรวมทั้งข้อมูลที่เป็นประโยชน์ตามที่เจ้าหน้าที่ศาลร้องขอให้ครบถ้วน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของตัวผู้ต้องหาและจำเลยเองด้วยที่จะไม่ต้องถูกออกหมายจับหากสัญญาณขาดหายแล้วติดต่อไม่ได้ ซึ่งก่อนที่ศาลสั่งติดทุกอย่างก็เป็นไปด้วยความสมัครใจของผู้ต้องหาและจำเลยทุกรายศาลไม่ได้บังคับเพราะเป็นสิทธิ ต่างกับประเภทคดีเมาแล้วขับในศาลแขวงที่ใช้อุปกรณ์ EM ติดให้ผู้ต้องหาและจำเลยเลย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ส่วน 5 ศาลอันดับแรกที่สถิติติดอุปกรณ์ EM สูงสุด ขณะนี้อันดับ 1 ศาลอาญา , อันดับ 2 ศาลมีนบุรี 169 ราย , ศาลอาญาธนบุรี 74 ราย , ศาลอาญากรุงเทพใต้ 69 ราย และอันดับที่ 5 ศาลจังหวัดนครปฐม 58 ราย

ทั้งนี้ นายวิทยา รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ยังกล่าวถึงการบังคับใช้ พ.ร.บ.มาตรการกำกับและติดตามจับกุมผู้หลบหนีการปล่อยชั่วคราวโดยศาล พ.ศ.2560 ว่า หลังจากมีการออกระเบียบคณะกรรมการบริหารศาลยุติธรรม ( ก.บ.ศ.) ว่าด้วยคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้าม การแต่งตั้งและการปฏิบัติหน้าที่ของผู้กำกับดูแลผู้ถูกปล่อยชั่วคราว ค่าพาหนะแก่ผู้ถูกปล่อยชั่วคราวที่ยากไร้ เงินสินบนแก่ผู้แจ้งความนำจับ และเงินรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ผู้จับผู้ถูกปล่อยชั่วคราวโดยศาลที่หลบหนี พ.ศ.2561 ซึ่งกำหนดลักษณะการจ่ายเงินสินบนผู้แจ้งความจับและเงินรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ที่จับผู้หลบหนีประกันตัว มาบังคับใช้แล้วตั้งแต่ต้นปี 2561 ในส่วนของศาลอาญา ขณะนี้มีการส่งเรื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเสนอขอรับเงินรางวัลให้แก่เจ้าพนักงานที่ติดตามตัวผู้ต้องหาหรือจำเลยที่หลบหนีประกันแล้ว 12 คดี ซึ่งศาลพิจารณาให้ 11 คดีโดยวงเงินที่ศาลพิจารณาจ่ายให้แล้วตามเกณฑ์ความยากง่ายในการติดตามจับกุมประกอบดุลยพินิจศาล รวมประมาณ 205,500 บาท

ส่วนอีก 1 คดีที่ไม่ได้พิจารณาให้นั้นเนื่องจากไม่เข้าเกณฑ์ที่กำหนด เพราะเป็นการจับกุมผู้ที่หลบหนีหมายจับการคุมประพฤติ โดยเกณฑ์การจ่ายเงินสินบนผู้แจ้งความนำจับตามระเบียบฯ กำหนดไว้ไม่เกิน 20,000 บาท ส่วนเงินรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ผู้จับกำหนดไม่เกินร้อยละ 50 ของวงเงินประกันแต่ต้องไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งการแจ้งความหรือนำจับหากมีผู้เกี่ยวข้องหลายราย ก็จะให้แบ่งจ่ายเท่ากันทุกราย ทั้งนี้หากผู้ที่ถูกจับมีหมายจับในหลายคดี ก็จะพิจารณาจ่ายเงินรางวัลถือเป็นการจับเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ดี ในการพิจารณานั้นศาลก็จะกระทำโดยรอบคอบชัดเจน อาจมีการไต่สวนก่อนหรือสอบถามถึงข้อเท็จจริงการนำชี้เบาะแสหรือการจับกุม ซึ่งหากน่าสงสัยว่าดำเนินการไม่ถูกต้อง ไม่เป็นไปตามข้อเท็จจริงก็จะผิดฐานละเมิดอำนาจศาลได้