รบ.เดินหน้าโครงการบัญชีเงินฝากพื้นฐานผู้มีรายได้น้อย-ผู้สูงอายุ ต.ค.

รบ.เดินหน้าโครงการบัญชีเงินฝากพื้นฐานผู้มีรายได้น้อย-ผู้สูงอายุ ต.ค.

รัฐบาลเดินหน้าโครงการบัญชีเงินฝากพื้นฐาน แก่ผู้มีรายได้น้อย-ผู้สูงอายุ ต.ค.นี้ เพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงิน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน"ว่า ในช่วงเดือน ต.ค.นี้รัฐบาลจะทยอยเปิดให้บริการบัญชีเงินฝากพื้นฐานแก่ผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุ ซึ่งหมายถึงบัญชีเงินฝากแบบใหม่ที่ธนาคารต่าง ๆ จะให้บริการแก่ประชาชน โดยการเปิดบัญชีไม่จำเป็นต้องมีเงินไปฝาก ไม่มีค่าธรรมเนียมรักษาบัญชี อีกทั้งไม่มีค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปีในการมีบัตร ATM หรือบัตรเดบิต และค่าธรรมเนียมอื่น ๆ จะไม่สูงกว่าการทำธุรกรรมแบบเดียวกันในบัญชีอื่น ๆ


โดยผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ในการเปิดบัญชีเงินฝากพื้นฐาน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 11.4 ล้านราย และอีกกลุ่ม คือผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป โดยต้องมีสัญชาติไทย

"นี่เป็นอีกโครงการหนึ่ง ที่เราได้เปิดตัวไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และคาดว่าจะทยอยให้บริการได้ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะเป็นอีกช่องทางในการช่วยสนับสนุนมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยของประเทศในระยะยาว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

พร้อมระบุว่ามาตรการนี้ จะเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับความเป็นอยู่ของผู้มีรายได้น้อยให้เข้าถึงบริการทางการเงินที่มีต้นทุนต่ำกว่าเดิม ลดความเหลื่อมล้ำ จากการศึกษาของธนาคารแห่งประเทศไทยและผลการสำรวจภาคครัวเรือน พบว่ามีครัวเรือนประมาณ 30% ที่ยังไม่สามารถเปิดบัญชีเงินฝาก หรือไม่ได้ใช้บริการเงินฝาก ซึ่งสัดส่วนดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากจาก 20% ในปี 2556 โดยพบว่าอุปสรรคส่วนใหญ่มาจากการที่ต้องมีเงินไปเปิดบัญชี การต้องมีเงินไว้ในบัญชีเพื่อรักษาบัญชี และค่าธรรมเนียมต่าง ๆ ที่สูงเกินไป กล่าวได้ว่าข้อจำกัดนี้สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม

"ช่วงที่ผ่านมาที่รัฐบาลนี้มองเห็น และพยายามแก้ไขในทุก ๆ มิติที่สร้างจะทำได้ ซึ่งการมีบัญชีเงินฝากพื้นฐานนี้ จะช่วยให้พี่น้องประชาชนสามารถใช้บริการด้านการเงิน ทั้งในเรื่องโอนเงิน และชำระเงินโดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะในปัจจุบันที่การโอนเงิน การชำระเงิน เพื่อทำการค้าขายหรือทำธุรกรรมต่าง ๆ จะผ่านระบบดิจิทัลมากขึ้น และต่อไป ก็อาจต่อยอดการใช้บัญชีนี้ไปสู่การทำมาค้าขายในชีวิตประจำวัน รวมถึงการประกอบอาชีพ เช่น เรื่องการค้าขายออนไลน์ และนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตในที่สุด อีกทั้งจะเป็นเหมือนประตูบานแรกของการเข้าสู่บริการทางการเงิน ที่จะช่วยส่งเสริมให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจทางการเงินมากขึ้น มีช่องทางในการออมเงินมากขึ้น" นายกรัฐมนตรีกล่าว

นอกจากนี้ ในการโอนเงินสวัสดิการต่าง ๆ ให้กับพี่น้องประชาชนในระยะต่อไป ก็สามารถทำผ่านระบบออนไลน์ไปยังบัญชีธนาคารของแต่ละคนโดยตรงได้อีกด้วย ซึ่งในเรื่องนี้จะเป็นการช่วยให้การบริการประชาชนของภาครัฐมีประสิทธิภาพขึ้น ที่สำคัญอีกประการคือ จะช่วยลดช่องทางการทุจริตไปได้พร้อมกัน

"หากท่านผ่านเงื่อนไขเป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการภาครัฐ หรืออายุ 65 ปีขึ้นไปที่มีสัญชาติไทย ก็สามารถไปเปิดบัญชีที่ธนาคารที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้ ขอฝากไว้ว่าการใช้งานบัญชีเงินฝากขั้นพื้นฐานนี้ ก็ต้องดูแลให้ตรงกับวัตถุประสงค์ด้วย หากท่านมีเงินหมุนเวียนหรือยอดคงค้างในบัญชีเกิน 50,000 บาทต่อเดือน หรือไม่มีการฝากเข้า ถอนออก หรือโอนระหว่างบัญชี ภายใน 24 เดือน ธนาคารก็อาจขอปรับบัญชีเงินฝากขั้นพื้นฐานของท่าน กลับไปให้เป็นบัญชีเงินฝากปกติที่จะต้องมีการเสียค่าธรรมเนียมเหมือนทั่วไปด้วย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว