PTT - ซื้อ

PTT - ซื้อ

กำไรไตรมาส 3/61 มีแนวโน้มชะลอตัว แต่คาดไตรมาส 4/61 ฟื้นแรง

ช่วงโลว์ซีซั่นของอุปสงค์และค่าใช้จ่ายพิเศษอาจกดดันกำไรไตรมาส 3/61 แต่เราคาดผลประกอบการของ PTT จะฟื้นตัวแรง QoQ ในไตรมาส 4/61 อีกทั้งการที่ PTTOR จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในไตรมาส 2/62 จะปลดล็อคมูลค่าหุ้นและน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป มูลค่าหุ้นยังไม่แพง โดยซื้อขายที่ PER ปี 2561 ที่ 10.8 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของบริษัทที่ 11.8 เท่า

กำไรไตรมาส 3/61 มีแนวโน้มชะลอตัวตามปัจจัยทางฤดูกาล แต่จะฟื้นตัวในไตรมาส 4/61

ผลการดำเนินงานหลักไตรมาส 3/61 ของ PTT มีแนวโน้มอ่อนตัวลงทั้ง YoY และ QoQ ราคาขายผลิตภัณฑ์ที่ลดลงในขณะที่ต้นทุนก๊าซสูงขึ้นกอปรกับช่วงโลว์ซีซั่นของอุปสงค์และการหยุดซ่อมบำรุงโรงแยกก๊าซหน่วยที่ 3 (GSP#3) จะกดดันอัตรากำไรและกำไรของธุรกิจก๊าซ นอกจากนี้ค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่อ่อนตัวลงตามปัจจัยทางฤดูกาลจะทำให้กำไรของบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมีชะลอตัวQoQ ทั้งนี้ผลประกอบการจะลดลงจำกัดหนุนโดยกำไรของ PTTEP ที่มีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากจะรับรู้สัดส่วนการถือหุ้นในแหล่งบงกฎมากขึ้นเต็มไตรมาสและราคาขายปิโตรเลียมสูงขึ้น อัตราแลกเปลี่ยน (เงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ) และทิศทางราคาน้ามันจะเป็นอีกสองปัจจัยที่กดดันแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/61

กำไรหลักมีแนวโน้มฟื้นตัว QoQ ในไตรมาส 4/61 หนุนโดยผลประกอบการธุรกิจก๊าซดีขึ้น (อัตรากำไรขยายตัวและปริมาณขายเพิ่มขึ้น) และกำไรของ PTTEP (ราคาขาปิโตรเลียมสูงขึ้น) และของบริษัทลูกที่ดำเนินธุรกิจโรงกลั่นและปิโตรเคมี (ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ขยายตัวตามปัจจัยทางฤดูกาล) มากขึ้น

ค่าใช้จ่ายด้านภาษีจากการแปรรูป PTTOR จะกดดันกำไรสุทธิไตรมาส 3/61

เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 2561 PTT ได้ลงนามสัญญาการโอนธุรกิจที่จะโอนหน่วยธุรกิจน้ำมันไปอยู่ภายใต้ PTTOR ก่อนที่ PTTOR จะ IPO ตามแผน ในวันที่ 1 ก.ค. บริษัทได้เริ่มกระบวนการโอนสินทรัพย์และหนี้สิน (และหุ้นในบริษัทที่เกี่ยวข้อง) ให้กับ PTTOR ซึ่งเราคาดในไตรมาส 3/61 PTT จะรับรู้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ เฉพาะในงบเดี่ยว ขณะที่จะรับรู้ค่าใช้จ่ายพิเศษด้านภาษีในงบรวม

ข้อมูลที่เผยแพร่ออกมาชี้ว่าสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2559 ของ PTTOR มีมูลค่ารวม 1.15 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามสินทรัพย์บางอย่างตั้งอยู่บนที่ดินของกรมธนารักษ์ ดังนั้นไม่สามารถโอนได้หากพ.ร.บ.ร่วมทุนยังไม่มีผลบังคับใช้ ในเบื้องต้นเราจึงใช้สมมติฐานว่ามีสินทรัพย์ที่จะโอนได้ประมาณ 1 แสนล้านบาท ดังนั้นเบื้องต้นเราคาดภาษีจ่ายอยู่ที่ราว 1.24 หมื่นล้านบาท (กรณีปกติ) ทั้งนี้ภายใต้สมมติฐานว่ามูลค่าสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 10% ภาษีจ่ายคาดสูงขึ้นเป็น 1.44 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม มูลค่าสินทรัพย์รวมอาจมากกว่าที่เราประเมินเนื่องจากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ใหม่

ผลกระทบจากการปรับเพิ่มอัตราเงินนำส่งกองทุนน้ำมันจากการขาย LPG มีจำกัด

ด้วยความต้องการรักษาเสถียรภาพบัญชี LPG ในกองทุนน้ำมันของรัฐฯ และอุดหนุนราคาก๊าซ LPG ในประเทศ คณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานได้ปรับขึ้นอัตราเงินนำส่งกองทุนน้ำมันสำหรับก๊าซ LPG ที่จำหน่ายในประเทศจากโรงแยกก๊าซจากประมาณ 7 บาทต่อกก. เป็น 7.9 บาทต่อกก. และอยู่ระหว่างการพิจารณาขึ้นอัตราเงินนำส่งกองทุนน้ำมันสำหรับก๊าซ LPG ที่ส่งออกจาก 0.7 บาทต่อกก. เป็น 7.9 บาทต่อกก. PTT ขายก๊าซ LPG จากโรงแยกก๊าซราว 2.2 ล้านตันต่อปี (โดยขายในประเทศ 2.08 ล้านตัน และส่งออก 0.12 ล้านตัน) ดังนั้นเราประเมินว่า PTT จะต้องมีค่าใช้จ่ายหลังหักภาษีเพิ่มขึ้นราว 1.2 พันล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 0.9% ของประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ของเรา และเพิ่มขึ้น 2.2 พันล้านบาทต่อปี หรือคิดเป็น 1.6% ของคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2562 ของเรา

ภาษีจ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากการโอนสินทรัพย์ให้กับ PTTOR และการขึ้นอัตราเงินนำส่งกองทุนน้ำมันจากการขายก๊าซ LPG อาจเป็นความเสี่ยงที่เราและตลาดอาจปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 อย่างไรก็ตามมูลค่าหุ้น PTT (PER ปี 2561 จะอยู่ที่ 12.2 เท่า) จะยังคงต่ำกว่ามูลค่าหุ้น PTTEP (14.1 เท่า)