SSP - ซื้อ

SSP - ซื้อ

ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 61 เพิ่มขึ้น 20% จากโครงการในมองโกเลียที่คาดจะ COD ได้ก่อนกำหนด

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • รายงานกำไรสุทธิ 2Q61 อยู่ที่ 153 ลบ. เติบโต 43%QoQ และ 38%YoY: รายงานกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 153 ลบ. เติบโต 43%QoQ และ 38%YoY สอดคล้องกับรายได้จากการขายไฟที่เพิ่มขึ้น 30%YoY สู่ 301 ลบ. เนื่องจากตั้งแต่ 1Q61 มีการรับรู้รายได้จากโครงการ
    ฮิดากะ(21 MW) และโครงการโซลาร์รูฟท๊อป 2 โครงการรวม 1.4 MW (SNNP1 และ SNNP2) ที่เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว และมีการปรับนโยบายบัญชี ทำให้ไม่ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างและกำไร/ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่เกิดขึ้นของบริษัทย่อยผ่านงบกำไรขาดทุน หากพิจารณาเฉพาะกำไรจากการดำเนินงานช่วง 2Q61 จะอยู่ที่ 151 ลบ. เพิ่มขึ้น 13%YoY
  • ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 61 เพิ่มขึ้น 20% จากโครงการในมองโกเลียที่คาดจะ COD ได้ก่อนกำหนด : ปรับประมาณการกำไรปี 61 เพิ่มขึ้นจากเดิม 20% สู่ 556 ลบ. โดยกำไรสุทธิในช่วง 1H61 มีสัดส่วนเป็น 47% ของประมาณการกำไรทั้งปี และปรับกำไรปี 62 เพิ่มขึ้นจากเดิม 29% สู่ 691 ลบ. คาดรายได้รวมปี 61 อยู่ที่ 1,193 ลบ.เติบโต 36%YoY เพิ่มขึ้นจากเดิม 4% ซึ่งคาดแนวโน้มกำไรสุทธิ 2H61 จะอยู่ที่ 297 ลบ.เติบโต 14%HoH จากโครงการ Zouen (8 MW) ที่ COD ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. และคาดว่าโครงการอื่นๆจะสามารถทำได้ตามกำหนดการได้แก่ โครงการโซลาร์รูฟท๊อป DoHome (SCOD 3Q61, 3 MW) โซลาร์อผศ.(SCOD 4Q61 , 5 MW) และคาดโครงการ Khunshight Kundi(16.4 MW) ประเทศมองโกเลีย จะสามารถ CODได้ตั้งแต่ 4Q61 เร็วกว่ากำหนดการเดิมที่ 1Q62 ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 61 SSP จะมีกำลังการผลิตติดตั้งรวมที่ 107.4 MW อย่างไรก็ตามคาดอัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงจาก 81% ในปี 60 เหลือ 75 % ในปี 61 เนื่องจากโครงการที่ญี่ปุ่นมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าโครงการในไทย  แต่คาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากปี 60 ที่ 220 ลบ. เหลือ 160 ลบ. ลดลง 27%YoY เนื่องจากไม่มีค่าใช้จ่ายในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างหลังจากเปลี่ยนแปลงนโยบายบัญชี คาดอัตรากำไรสุทธิปี 61 ราว 47% เพิ่มขึ้นจาก 38% ในปี 60
  • แสวงหาโอกาสลงทุนในประเทศเวียดนาม : ล่าสุดบริษัทมีมติให้บริษัทย่อย Sermsang International(SSP ถือหุ้น 100%) เข้าลงนามซื้อหุ้นของบริษัท TTQN ซึ่งดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ มีกำลังการผลิตติดตั้ง 61 MW ในประเทศเวียดนาม โครงการ Binh Nguyen Solar Power Plant ในสัดส่วนร้อยละ 80 มูลค่ารวมประมาณ 584.2 ลบ. คาดโครงการจะเริ่ม COD ได้ภายใน 2Q62 โดยรัฐบาลเวียดนามรับซื้อค่าไฟแบบ FiT(Feed-in-Tariff) 0.0935 USD/KWh เป็นระยะเวลา 20 ปี
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมสู่ 11.20 บาท : เราประเมินมูลค่าหลักทรัพย์ด้วยวิธี DCF ใช้สมมติฐาน WACC 4.0% และTerminal Growth = 0 ได้ราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 10.50 สู่ 11.20 บาท (รวมโครงการที่มองโกเลียแต่ยังไม่รวมโครงการที่เวียดนาม) มี Upside ราว 29% จากราคาปัจจุบัน จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”

ปัจจัยสนับสนุน

        1.บริษัทสามารถหาโอกาสการลงทุนได้เพิ่มเติม

        2. โรงไฟฟ้าสามารถ COD ได้ก่อนกำหนด

ความเสี่ยง

        1. แสงอาทิตย์อาจมีความเข้มแสงน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้

        2. แผงโซลาร์เซลล์เสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คาด