15 ปี ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด โชว์ผลประกอบการโตต่อเนื่อง

15 ปี ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด โชว์ผลประกอบการโตต่อเนื่อง

15 ปี “ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์” โชว์ผลประกอบการโต 66.35% ชูจุดขาย “Friend of Thailand” ขยายฐานสมาชิก กระตุ้นท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 30 ส.ค. 61 บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ผู้ดำเนินงานโครงการบัตรเอกสิทธิ์พิเศษ “ไทยแลนด์ อีลิท คาร์ด” จัดงาน “Elite Friend of Thailand” เนื่องในโอกาสครบรอบ “15 ปี ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด” พร้อมเปิดตัวบัตรอีลิทคาร์ดรุ่นพิเศษ “Elite Friend of Thailand” ที่จัดทำในโอกาสพิเศษแก่อาสาสมัครชาวต่างชาติที่เข้าช่วยเหลือภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ทีมหมูป่า) ในวนอุทยานถ้ำหลวง โดยมี นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด ให้เกียรติเป็นประธาน ณ สำนักงานใหญ่บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ถ.สาทร

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ประธานกรรมการ บริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด เปิดเผยถึงผลประกอบการประจำปี 2561 ระยะเวลา 10 เดือน (1 ตุลาคม 2560-31 กรกฎาคม 2561) โดยบริษัทไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด มีรายได้รวมจากการดำเนินการอยู่ที่ 790 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าเป้าหมาย 43.37 % ซึ่งตั้งไว้ที่ 551 ล้านบาท และคิดเป็นอัตราการเติบโต 66.35% (เมื่อเทียบจากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2560 ซึ่งมีรายได้รวม 474.88 ล้านบาท) โดยคิดเป็นผลกำไร 239 ล้านบาท ทั้งนี้กำไรที่เพิ่มขึ้นมาจากยอดขายสมาชิกใหม่ และค่าธรรมเนียมสมาชิก 

สำหรับจุดเด่นของบัตรไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด ที่เป็นจุดดึงดูดสมาชิกและนักท่องเที่ยวมากที่สุด คือการให้สิทธิประโยชน์ด้านวีซ่าในการอยู่อาศัยระยะยาวในประเทศไทย ร่วมกับการบริการอำนวยความสะดวกในการเข้าออก และการอยู่อาศัยในประเทศไทย ยังไม่รวมถึงเอกสิทธิทางด้านสิทธิประโยชน์ภาคธุรกิจ และบริการต่างๆ จากเครือพันธมิตร เพื่อมุ่งเน้นให้สมาชิกได้รับบริการที่ดีที่สุด และอำนวยความสะดวกให้กับสมาชิกขณะพำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ภายใต้วิสัยทัศน์ “Simply Extraordinary Country, Membership Crafted for Friend of Thailand โดยสิทธิประโยชน์ภาคธุรกิจและบริการที่สมาชิกชื่นชอบใช้บริการมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ Limousine Service (บริการรถรับ-ส่ง ณ ที่พักอาศัย), Spa (บริการสปาในเครือพันธมิตร), EPA Service: Elite Personal Assistant (เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก ณ สนามบินสุวรรณภูมิ และภูเก็ต), Golf  (บริการสนามกอล์ฟในเครือพันธมิตร) และ VISA (บริการประสานงานในการต่ออายุวีซ่า ตามสถานที่ต่างๆ ที่กำหนด) อย่างไรก็ตามในส่วนของรูปแบบสิทธิประโยชน์ บริษัทฯ จะยังไม่มีการปรับเพิ่มแต่อย่างใดเพราะครอบคลุมตามความต้องการของสมาชิกอยู่แล้ว แต่จะเน้นการเพิ่มผู้ให้บริการในเครือพันธมิตรให้มากขึ้น เพื่อให้สมาชิกเกิดความสะดวกในการใช้งานมากยิ่งขึ้น

“จากการที่สมาชิกบัตรของเราพำนักอยู่ในประเทศไทยเป็นระยะยาว ทำให้เกิดการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะการเช่าที่อยู่อาศัย หรือการซื้อที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม รวมถึงการใช้บริการในภาคธุรกิจ และบริการต่างๆ จากเครือพันธมิตร ถือเป็นการนำเม็ดเงินเข้ามาลงทุนและใช้จ่ายในไทยมากขึ้น ซึ่งการใช้จ่ายเหล่านี้จะช่วยทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศทางหนึ่ง เพราะฉะนั้นยิ่งเราสามารถขยายฐานสมาชิกใหม่ๆ ได้เพิ่มมากขึ้นเท่าใด ประโยชน์ก็จะตกกับประเทศเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และไม่ใช่แค่เพียงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเท่านั้นที่ได้ประโยชน์ แต่จะเกิดประโยชน์กับภาคอุตสาหกรรมทั้งระบบ” นายยุทธศักดิ์กล่าวและเสริมว่า

ยอดสมาชิกของไทยแลนด์ อีลิทคาร์ดฯ นับตั้งแต่เริ่มเปิดดำเนินการในปี 2546 จนถึง 31 กรกฎาคม 2561 มียอดสมาชิกรวมทั้งสิ้น 6,192 คน (เป็นสมาชิกรุ่นแรก 2,452 คน และสมาชิกรุ่นใหม่ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2556 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 รวม 3,740 คน) โดยลำดับชาติสมาชิก 10 อันดับได้แก่ จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น อเมริกา ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย บังคลาเทศ รัสเซีย เยอรมัน และสวิสเซอร์แลนด์

“สำหรับยอดสมาชิกที่สมัครใหม่ในปีงบประมาณ 2561 นี้ (ต.ค. 60-ก.ค. 61) มียอดเพิ่มขึ้นถึง 1,310 คน จากปีงบประมาณ 2560 คิดเป็นอัตราการเติบโต 26.8% โดยพบว่าอันดับ 1 เป็นประเทศจีนสูงถึง 29% ตามมาด้วยญี่ปุ่น 8.3%  อังกฤษ 6.3% ฝรั่งเศส 6% อเมริกา 5.4% และอื่นๆ อีก 45%

“จะเห็นว่าไทยแลนด์ อีลิทคาร์ดฯ ยังมีฐานลูกค้าอยู่อีกเยอะ เพราะประเทศไทยเรามีของดีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นความได้เปรียบด้านภูมิประเทศ อาหาร วัฒนธรรม และสถานที่ท่องเที่ยว หากบุกตลาดอย่างจริงจัง โดยเฉพาะตลาดจีน และญี่ปุ่น เป็นตลาดที่ยังเติบโตได้อีกมาก เพราะ 2 ประเทศนี้มีกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก รวมถึงตลาดฝั่งยุโรปและอเมริกา การเจาะฐานตลาดนี้ได้ จะช่วยให้ไทยแลนด์ อีลิท คาร์ดฯ มีฐานลูกค้าที่เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ ได้ร่วมโรดโชว์กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย รวมทั้งวางแผนและเข้าร่วมกิจกรรมทางการขายและการตลาดกับตัวแทนขายในกลุ่มประเทศเป้าหมายอย่างใกล้ชิด มีการสรรหาตัวแทนจำหน่ายเพิ่มเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ ทั้งต่างประเทศและในประเทศที่มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่จำนวนมาก รวมถึงการคัดสรรพันธมิตรคู่ค้า ที่มีศักยภาพที่ตรงตามความต้องการของสมาชิก และยกระดับแบรนด์ของบัตรไทยแลนด์ อีลิทฯ เพื่อมีส่วนช่วยกระตุ้นการตัดสินใจของกลุ่มเป้าหมาย”

นายยุทธศักดิ์กล่าวและเสริมว่า ประเภทบัตรสมาชิกที่ทำยอดขายได้สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ อันดับที่ 1 บัตร “อีลิทอีซี่ แอสเซส (Elite Easy Access)” ราคา 5 แสนบาท อายุบัตร 5 ปี เหมาะสำหรับท่านที่เดินทางคนเดียว เข้าออกในประเทศไทยระยะสั้น เป็นเวลา 5 ปี ที่มีการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง อันดับที่ 2 บัตร “อีลิทซูพีเรียริตี้เอ็กซ์เทนชั่น (Elite Superiority Extension)” ราคา 1 ล้านบาท อายุบัตร 20 ปี เหมาะสำหรับกลุ่มเกษียณอายุ หรือผู้ที่ต้องการพำนักในประเทศไทยในระยะยาวอย่างแท้จริง และอันดับที่ 3 บัตร “อีลิทแฟมิลี เอ็กซ์เคอร์ชั่น (Elite Family Excursion)” ราคา 8 แสนบาท อายุบัตร 5 ปี เพื่อการเข้าออกในประเทศไทยระยะสั้น เหมาะกับกลุ่มครอบครัวโดยเฉพาะ ด้วยราคาพิเศษสำหรับ 2 ท่านเป็นต้นไป โดยเน้นไปที่กลุ่มนักธุรกิจ และครอบครัวที่ลูกศึกษาในไทย หรือผู้ที่เข้ามาพักผ่อนระยะสั้นๆ เป็นครอบครัว
 
ภายในงานนี้ ยังได้เปิดตัวบัตรอีลิทคาร์ด รุ่นพิเศษ “Elite Friend of Thailand” ซึ่งจัดขึ้นเนื่องในโอกาสพิเศษปีนี้ ทางรัฐบาลโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้มอบหมายให้ไทยแลนด์ อีลิทคาร์ดฯ เป็นผู้จัดทำบัตรอีลิทคาร์ด รุ่นพิเศษ “Elite Friend of Thailand” ขึ้นมา ไม่ใช่เพื่อจำหน่าย แต่เป็นการมอบให้แทนคำขอบคุณจากคนไทย  เป็น Elite Card Special Edition ที่จะมอบให้แก่อาสาสมัครชาวต่างชาติที่ทำคุณประโยชน์ด้านต่างๆ ให้แก่ประเทศไทย ซึ่งต้องได้รับนโยบายจากรัฐบาลในการออกบัตรตามรายชื่อที่ได้รับ เพื่อเป็นการตอบแทนน้ำใจและความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ อย่างหามูลค่าไม่ได้ โดยผู้รับมอบจะต้องมีคุณสมบัติเป็นไปตามเกณฑ์ที่บริษัทกำหนด เช่น ต้องเป็นชาวต่างชาติ  ต้องได้รับการตรวจสอบประวัติตามกฎหมายกำหนด เป็นต้น โดยครั้งนี้จะมีการมอบบัตรสมาชิกประเภท “Friend of Thailand” ให้กับอาสาสมัครชาวต่างชาติในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัย (ทีมหมูป่า) ณ วนอุทยานถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย เป็นกรณีแรก ซึ่งเป็นการตอบแทนน้ำใจและส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ รวมถึงเป็นการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวแก่ประเทศไทยอีกทางหนึ่ง

โดยบัตรอีลิทคาร์ด รุ่นพิเศษ “Elite Friend of Thailand” จะมีอายุบัตร 5 ปี และจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมาย อาทิ ได้รับสิทธิประโยชน์ด้านวีซ่าในการเข้า-ออกประเทศไทยตามอายุสมาชิกบัตร มีบริการรถ Limousine รับ-ส่ง จากสนามบินสุวรรณภูมิ จำนวน 10 ครั้งต่อปี มีเจ้าหน้าที่บริการสนามบินของ Thailand Elite หรือที่เรียกว่า EPA (Elite Personal Assistant) อำนวยความสะดวกในการเข้า-ออกประเทศ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ และบริการ Lounge Thailand Elite บริเวณขาเข้า เป็นต้น

“ในเบื้องต้นบัตรอีลิทคาร์ด รุ่นพิเศษ “Elite Friend of Thailand” จะมีจำนวน 105 ใบ มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 16 ล้านบาท แต่จะขึ้นกับจำนวนที่จะมอบจริงด้วย โดยอยู่ระหว่างการรอรายชื่ออาสาสมัครที่แน่นอนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากมีบางรายที่มีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้ว โดยบัตรนี้จะไม่มีการทำออกมาจำหน่ายในอนาคตอย่างแน่นอน เพราะเป็นบัตรที่มอบให้แก่ผู้ทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศไทยเท่านั้น และมีการพิจารณาการมอบให้เป็นกรณีไป ผู้รับเองก็จะมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ เป็น Elite Card Special Edition อย่างแท้จริง” นายยุทธศักดิ์ กล่าวในที่สุด