สภาเภสัชกรรมหวั่น 'พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่' ซ้ำรอยเดิม

สภาเภสัชกรรมหวั่น 'พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่' ซ้ำรอยเดิม

ยืนยัน "อาชีพเภสัชกร" ยังจำเป็นตามมาตรฐานสากล หนุนใช้ระบบใบสั่งยา

นายกิตติ พิทักษ์นิตินันท์ อดีตนายกสภาเภสัชกรรม และที่ปรึกษาสภาเภสัชกรรม เปิดเผยว่า มีความกังวลว่า การแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่แทน พ.ร.บ.ยา พ.ศ. 2510 เพื่อให้มีความทันสมัย ที่แม้จะมีการปรับแก้แล้วแต่ก็ยังซ้ำรอยเดิม โดยเฉพาะในประเด็นที่เปิดให้วิชาชีพอื่นสามารถจ่ายยาได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทำให้มาตรฐานการจ่ายยาไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และอาจทำให้เกิดความไม่ปลอดภัยกับผู้ป่วย

ทั้งนี้ ตามมาตรฐานสากลได้แบ่งประเภทยาไว้ 3 ประเภท คือ ยาที่ต้องจ่ายตามใบสั่งยา ยาที่จ่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม และ ยาสามัญประจำบ้าน ซึ่งหากต้องการให้ร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่เป็นไปตามหลักสากลจริงๆ คือ ควรหันมาใช้ระบบใบสั่งยา มากขึ้นแทนการเปิดให้วิชาชีพอื่นมาจ่ายยาสำหรับผู้ปวยได้  ยกเว้นกรณีในพื้นที่ห่างไกล หรือ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) ที่มีข้อจำกัดเรื่องบุคลากร ตามกฎหมายได้อนุญาตให้วิชาชีพอื่นสามารถร่วมกันจ่ายยาได้ภายใต้การกำกับดูแลของผู้ประกอบวิชาชีพ 

นายกิตติ กล่าวว่า ประเด็นที่เปิดให้วิชาชีพอื่นสามารถจ่ายยาได้ เคยถูกคัดค้านไปแล้วเมื่อปี 2557 โดยได้มีการหารือข้อสรุปร่วมกันระหว่างเครือข่ายวิชาชีพเภสัชกรรม องค์การอาหารและยา (อ.ย.) รวมถึงวิชาชีพอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและได้จัดทำร่างพ.ร.บ.ยาฉบับกระทรวงสาธารณสุข  ซึ่งเป็นฉบับที่มีการปรับแก้ในประเด็นที่มีการคัดค้านเรียบร้อยแล้ว 

อย่างไรก็ตาม การประกาศร่าง พ.ร.บ.ยาฉบับใหม่ จาก อ.ย. เมื่อวันที่ 27  สิงหาคม จะเห็นว่าร่างพ.ร.บ.ยาฉบับกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้ถูกนำมาใช้  ซึ่งการที่ อ.ย. ระบุว่าต้องการให้ ร่างพ.ร.บ.ยาฉบับใหม่ทันสมัยและสอดคล้องตามมาตรฐานสากล  แต่สิ่งที่กำลังดำเนินการอยู่นั้นกลับตรงกันข้าม และยิ่งทำให้ ร่างพ.ร.บ.ยาฉบับใหม่วนกลับไปสู่จุดเดิมที่เคยเป็นมา