'บางจาก'คาดอีบิด้าปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน

'บางจาก'คาดอีบิด้าปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน

“บางจาก คอร์ปอเรชั่น” อีบิด้าปีนี้ทำได้ใกล้เคียงปีก่อนที่ 13,700 ล้านบาท หลังกำลังการผลิตขยับขึ้นระดับ 120,000 บาร์เรลต่อวัน พร้อมเดินหน้าจขยายปั๊ม-ร้านกาแฟอินทนิน- SPAR ไม่หยุด คาดดีลลงทุนแหล่งปิโตรเลียมในนอร์เวย์เสร็จเดือนพ.ย.นี้

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP เปิดเผยว่าบริษัทคาดว่ากำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อม (EBITDA) ปีนี้จะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 13,700 ล้านบาท หลังจากในช่วงครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 6,358 ล้านบาท โดยครึ่งหลังไม่มีการปิดปรับปรุงโรงกลั่นจึงคาดมีกำลังการผลิตอยู่ที่ระดับ 120,000 บาร์เรลต่อวัน

ทั้งนี้ในปี 2561 บริษัทจะขยายสถานีให้บริการน้ำมันเพิ่มจำนวน 80 แห่ง จากครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 40 แห่ง ทำให้ปัจจุบันอยู่ที่ 1,140 แห่ง ส่วนธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (นอนออยล์) บริษัทมีแผนจะเปิดให้บริการร้านกาแฟอินทนินอีก 150 สาขา โดยครึ่งปีแรกขยายไปแล้ว 80 แห่ง ทำให้ปัจจุบันมีสาขาอยู่ที่ 492 สาขา โดยขณะนี้ยังมีผู้สนใจซื้อเฟรนไซต์ประมาณ 20 ราย ในประเทศเพื่อบ้าน ส่วน SPAR ยังมีแผนขยายสาขาต่อเนื่อง จากปัจจุบันอยู่ที่ 35 สาขา

สำหรับกรณีโรงกลั่นทั่วโลกมีการปิดปรับปรุงหลายแห่ง ส่งผลให้น้ำมันดีเซลขาดตลาดและทำให้ค่าการกลั่นน้ำมันดีเซลปรับตัวสูง โดยบริษัทมีสัดส่วนการกลั่นน้ำมันดีเซลอยู่ที่ระดับ 50% จึงคาดจะได้รับปัจจัยบวกอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตามช่วงครึ่งหลังปี 2561 บริษัทคาดว่าจะไม่มีกำไรจากสต็อกน้ำมันแล้วหลังจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น จึงคาดว่าปัจจัยดังกล่าวน่าจะชดเชยส่วนที่ขาดหายไปได้อย่างสมเหตุสมผล

ขณะที่โครงการเพิ่มกำลังการผลิตเป็นที่ระดับ 130,000 บาร์เรลต่อวัน คาดว่าจะเปิดดำเนินการผลิตในปี 2563 ซึ่งการเพิ่มประสิทธิภาพโรงกลั่น และขยายกำลังการผลิต จะช่วยให้บริษัทยืดอายุการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น จากเดิมที่จะต้องซ่อมบำรุงทุก 18 เดือน เปลี่ยนเป็น 30 เดือน

ส่วนความคืบหน้าการเข้าลงทุนในแหล่งปิโตรเลียม Draugen Field และ Gjoa Field จาก A/S Norske Shell ( Shell ) ผ่านการลงทุนในบริษัท OKEA AS (OKEA) ผู้ดำเนินการพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมในประเทศนอร์เวย์ คาดกระบวนการการซื้อหุ้นเพิ่มทุนจะแล้วเสร็จช่วงเดือน พ.ย.2561 และคาดจะสามารถรับรู้ผลการดำเนินงานจากการเข้าลงทุนทั้นที โดยประเมินว่าจะช่วยพัฒนาธุรกิจสำรวจและขุดเจาะปิโตรเลียมของกลุ่มบริษัทได้ในอนาคต จากการที่ประเทศนอร์เวย์เป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบรายใหญ่ของโลกและมีมาตรฐานการขุดเจาะที่สูงมาก

ส่วนความคืบหน้าการนำบริษัทย่อย คือ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ BBGI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ขณะนี้อยู่ระหว่างรอทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) นับหนึ่งแบบแสดงไฟลิ่ง เบื้องต้นคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ประมาณไตรมาส 4/2561 หรือ ไตรมาส 1/2562 จากเดิมที่คาดช่วงไตรมาวส 3/2561 โดยอยู่ระหว่างประเมินสภาวะตลาด เนื่องจากตลาดหุ้นยังมีความผันผวนค่อนข้างสูง