หุ้นยุโรปปิดบวกขานรับสหรัฐ-เม็กซิโก

ดัชนีสต็อกซ์ ยุโรป 600 เพิ่มขึ้น 0.5% ปิดที่ 385.56 จุด ดัชนีซีเอซี-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,479.10 จุด เพิ่มขึ้น 46.60 จุด หรือ +0.86% ขณะที่ดัชนีดีเอเอ็กซ์ ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,538.31 จุด เพิ่มขึ้น 143.79 จุด หรือ +1.16% ส่วนตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการวันจันทร์ที่ 27 ส.ค. เนื่องในวัน “ซัมเมอร์ แบล็ก ฮอลิเดย์”

ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่า สหรัฐได้บรรลุข้อตกลงทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลงนาฟต้า โดยทรัมป์แถลงในห้องทำงานรูปไข่ของทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ว่า “เราจะเรียกว่า ‘ข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก’ โดยเราจะยกเลิกชื่อ ‘ข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (นาฟต้า)’ เนื่องจากชื่อนี้มีความหมายแฝงที่ไม่ดี เพราะสหรัฐได้รับผลกระทบอย่างมากจากนาฟต้า เป็นเวลาหลายปี”

นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังได้แรงหนุนจากรายงานของไอเอฟโอ ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี ที่ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีดีดตัวสู่ระดับ 103.8 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในปีนี้ และเป็นระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. รวมทั้งเป็นการพุ่งขึ้นรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีได้รับแรงหนุนจากการคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เห็นพ้องกับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) ในการยกเลิกการเรียกเก็บภาษีรถยนต์ต่อรถยุโรป

ทั้งนี้  หุ้นบลูชิพของเยอรมนีดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยหุ้นโฟล์คสวาเกน พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นเดมเลอร์ ดีดตัวขึ้น 2.3% ขณะที่หุ้นคอนทิเนนทัล ซึ่งเป็นผู้ผลิตยางรายใหญ่ พุ่งขึ้น 3%

หุ้นเมโทร ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกของเยอรมนี ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 12% หลังจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของเมโทรได้เปิดเผยแผนการตัดขายหุ้นจำนวน 10% ให้กับกลุ่มนักลงทุนกลุ่มหนึ่ง