จำคุก 2 ผู้จัดการ 'วิคตอเรีย ซีเคร็ท' 18 ปี 16 เดือน

จำคุก 2 ผู้จัดการ 'วิคตอเรีย ซีเคร็ท' 18 ปี 16 เดือน

ศาลอาญาพิพากษาจำคุก "ศรัทธาธรรม - บุญทรัพย์" 2 ผู้จัดการ "วิคตอเรีย ซีเคร็ท" 18 ปี 16 เดือน ตามความผิดเป็นธุระจัดหาค้าประเวณีเด็ก

ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ที่ ห้องพิจารณา 709  ศาลอาญาอ่านคำพิพากษาคดีค้ามนุษย์วิคตอเรีย ซีเคร็ท ซึ่งเป็นสถานให้บริการอาบอบนวด ที่มีเด็กหญิงต่างด้าวชาวเมียนมา อายุไม่เกิน 15 ปี และเด็กสาวอายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี คดีนี้อัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ยื่นฟ้อง นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือ ป๋าติ๊ก อายุ 67 ปี ผู้จัดการสถานบริการ กับพวก รวม 2 สำนวน

สำนวนแรก คดีหมายเลขดำ คม.25/2561 ศาลยกฟ้อง นายบุญเฉลียว หรือ เอส จันทร์พิมพ์ จำเลยที่ 1 (ซึ่งถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี) ซึ่งเป็นเพียงผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์รับส่งผู้เสียหายระหว่างแมนชั่นที่พักกับที่ทำงานสถานอาบอบนวด โดยไม่ทราบว่าผู้เสียหายนั้นมีอายุเท่าใด และจำเลยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเป็นธุระจัดหาค้าประเวณี

นายบุญทรัพย์ อมรรัตนาศิริ หรือ ป๋ากบ อายุ 55 ปี จำเลยที่ 2 นายศรัทธาธรรม แจ้งฉาย หรือ ป๋าติ๊ก ในฐานะผู้มีอำนาจบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้จัดการสถานบริการ จำเลยที่ 3 นั้น ให้จำคุกคนละ 3 ปี 4 เดือน ฐานร่วมเป็นเจ้าของหรือควบคุมค้าประเวณีเด็กหญิงอายุไม่เกิน 15 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 , พ.ร.บ.ค้าประเวณี พ.ศ. 2539 (ทั้งสองถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี)

น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้มีอำนาจเป็นหุ้นส่วนจำกัด ในห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการนั้น ก็มีความผิดด้วย แต่ให้ลงโทษสถานเบา เนื่องจากเป็นการกระทำโดยส่วนตัวไม่ใช่โดยห้างหุ้นส่วน ให้จำคุก 8 เดือน (จำเลยถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างพิจารณาคดี) โดยให้ยกฟ้อง ห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 และให้จำคุก นายเดชา หรือ สิงห์สาครเดชา จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 6 ปี (จำเลยได้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี) ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 282 , พ.ร.บ.ค้าประเวณี พ.ศ. 2539 , พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรข้ามชาติ พ.ศ. 2556 โดยจำเลยเป็นขับรถกระบะพาเด็กสาวผู้เสียหายที่ถูกส่งตัวจาก กทม. ไป อ.สะเดา จ.สงขลา ไปค้าประเวณียังประเทศมาเลเซีย ศาลให้ยกฟ้องข้อหาค้ามนุษย์ เพราะพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่พอฟังให้ลงโทษ

 

ส่วนสำนวนที่ 2 คดีค้ามนุษย์ หมายเลขดำ คม.26/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 1 เป็นโจทก์ฟ้อง นายศรัทธาธรรม หรือ ป๋าติ๊ก นายบุญทรัพย์ หรือ ป๋ากบ นายชัยณรงค์ อันสุข หรือ ป๋าสง่า อายุ 54 ปี นายมนัส อ่วมทับ หรือ ป๋านัส อายุ 48 ปี นายเอกณพัชร์ จารุวัฒน์ปฐมกุล หรือ พี่ป๊อป อายุ 29 ปี นายสมชาย แสงอุดม หรือ ป๋าต้น อายุ 52 ปี , ห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน โดย น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ ในฐานะผู้มีอำนาจ น.ส.ศศิธร วิระเทพสุภรณ์ และบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด โดยนายศรัทธาธรรม หรือ ป๋าติ๊ก ในฐานะผู้มีอำนาจ เป็นจำเลยที่ 1 - 7 ในความผิดฐาน ร่วมกันสมคบ ตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อค้ามนุษย์ฯ

กรณีเมื่อระหว่างต้นเดือน ธ.ค. 60 - 12 ม.ค. 61 พวกจำเลยสมคบกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปค้ามนุษย์ โดยวางแผน แบ่งหน้าที่กันทำเป็นธุระจัดหา หญิงสาวชาวไทย 2 คน ชาวเมียนมา 7คน อายุกว่า 15 ปี แต่ไม่เกิน 18 ปี เพื่อการค้าประเวณีเพื่อสนองความใคร่ผู้อื่นในสถานอาบ อบนวด วิคตอเรีย ซีเคร็ท ถ.พระรามเก้า เขตห้วยขวาง กทม. ศาลพิพากษาว่า นายศรัทธาธรรม หรือ ป๋าติ๊ก จำเลยที่ 1 นายบุญทรัพย์ หรือ ป๋ากบ จำเลยที่ 2 นายชัยณรงค์ หรือ ป๋าสง่า จำเลยที่ 3 นายเอกณพัชร์ จารุวัฒน์ปฐมกุล หรือ พี่ป๊อป อายุ 29 ปี มีความผิดเป็นธุระจัดหาฯ จำคุกคนละ 15 ปี 12 เดือน (จำเลยทั้งสามถูกคุมขังในเรือนจำระหว่างพิจารณาคดี)

เมื่อรวมโทษจำคุก 2 คดี นายศรัทธาธรรม หรือ ป๋าติ๊ก ผู้จัดการสถานบริการ กับนายบุญทรัพย์ หรือ ป๋ากบ ทั้ง 2 สำนวนแล้ว จำคุกทั้งสิ้น 18 ปี 16 เดือน

 

นางสาวศศิธร วิระเทพสุภรณ์ จำเลยที่ 4 ในฐานะผู้มีอำนาจเป็นหุ้นส่วนจำกัด ในห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน ที่ขอใบอนุญาตดำเนินกิจการ จำเลยที่ 6 ให้จำคุก 7 ปี 6 เดือน (จำเลยถูกคุมขังในทัณฑสถานหญิงกลางระหว่างพิจารณาคดี) ทั้งนี้ รวมจำคุกทั้ง 2 สำนวนแล้ว รวมจำคุก 7 ปี 14 เดือน

โดยให้ยกฟ้อง ห้างหุ้นส่วนจำกัด อมรินทร์ ออนเซน จำเลยที่ 5 กับบริษัท เดวิส ซิลเวอร์สตาร์ จำกัด จำเลยที่ 7 ที่เป็นนิติบุคคลให้เช่าสถานที่ และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 - 7 ในข้อหาค้ามนุษย์ด้วย

ภายหลังฟังคำพิพากษาแล้ว อัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ เปิดเผยว่า จะทำความเห็นเสนอให้อุทธรณ์คดีทั้ง 2 สำนวนนี้ต่อไปรวมทั้งในส่วนที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องจำเลยในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ด้วย ขณะที่ นายมนัส หรือ ป๋านัส อ่วมทับ อายุ 48 ปี และนายสมชาย หรือ ป๋าต้น แสงอุดม อายุ 52 ปี จำเลยร่วม ซึ่งเป็นกลุ่มพนักงานเชียร์แขก ที่แยกฟ้องอีกสำนวนในคดีหมายเลขดำ คม.24/2561 เพราะจำเลยให้การรับสารภาพนั้น ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 กันยายน 2561 นี้