"พล.อ.ประยุทธ์" เผย "ประชาธิปไตย" คือ "ประชานิยม" ห่วงช่วง "หาเสียง" จะกลับที่เก่า เล็งฟ้องสื่อ บอกคัดออก "นสพ." ไม่สร้างประโยชน์ประเทศ ไม่อ่าน
เมื่อวันที่ 24 ส.ค.61 เวลา 10.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีมอบรางวัลผู้ประกอบธุรกิจส่งออกดีเด่น ปี 2561 (Prime Minister's Export Award 2018) จัดโดยกระทรวงพาณิยช์ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับผู้ประกอบการตอนหนึ่งว่า ทุกคนทราบดีโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ทำมากได้น้อยเพราะเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ต้องพึ่งพาธรรมชาติจึงต้องมาร่วมมือกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ภาคการเกษตรทำน้อยแต่ได้มาก เช่นการเพิ่มมูลค่ายอมรับว่าเรามีปัญหาทับซ้อนมานาน จำเป็นต้องแก้ไขแต่อาจส่งผลกระทบต่อบางฝ่ายบ้างเพราะจะมีคนทั้งได้และเสียประโยชน์รัฐบาลจะดูแลคนทั้งประเทศทุกกลุ่มทุกฝ่าย ทุกพื้นที่จะเลือกดูแลเฉพาะธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง หรือคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งคงไม่ได้
“ประเทศจะอยู่ได้ต้องได้รับความร่วมมือ ทั้งรัฐ เอกชนประชาชนทุกกลุ่มภาครัฐจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกฎหมายและและระเบียบให้ทันสมัยถ้าใช้กฎหมายเดิมแล้วทำแบบเดิมก็จะไม่ทันกับสถานการณ์จะเห็นว่ารัฐบาลพยายามแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ เพื่อความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายซึ่งประชาชนต้องได้ประโยชน์มิเช่นนั้นจะถูกมองว่ารัฐเอื้อประโยชน์ให้เอกชนขอให้ช่วยกันทำความเข้าใจเพราะวันนี้มีการกล่าวหาว่ารัฐบาลเอื้อประโยชน์เอกชนยืนยันว่าไม่ได้เอื้อเวลานี้มักเกิดความสับสนในหลายเรื่องและสิ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อการเลือกตั้งการเป็นประชาธิปไตยในวันข้างหน้าจึงอยากบอกอีกครั้งว่าเราพยายามทำมาตรการต่างๆ ให้เกิดความเป็นธรรมประชาชนอาจยังไม่เข้าใจไม่เรียนรู้มากนักจึงขอให้ผู้ประกอบการช่วยกันสร้างความเข้าใจว่าเรามีกฎหมายและกติกาที่ต้องทำตามสากลด้วย”พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวว่ายุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีคือสิ่งที่เรามองอนาคต 20ปี ประเทศจะเป็นอย่างไรมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนประชาชนฐานรากมีรายได้สูงขึ้นอย่างน้อยต้องพ้นเส้นความยากจนให้ได้ภาคธุรกิจจำเป็นต้องรู้ตรงนี้ด้วยว่ารัฐบาลจำเป็นต้องทำทุกมาตรการจึงขอให้ภาคเอกชนเข้าใจว่ายุทธศาสตร์ชาติ20ปีไม่ใช่สิ่งที่จะเป็นไปไม่ได้ทำอย่างไรคนที่เกิดในวันนี้จะมีอนาคตที่มั่นคงในอีก20 ปีข้างหน้า ทั้งนี้คนที่มีทุนลงทุนมีโรงงานอะไรต่างๆย่อมมีสัดส่วนได้รับประโยชน์สูงกว่าเป็นหลักธรรมชาติการค้าเสรี ต้องช่วยตนอธิบายตรงนี้และผู้ประกอบการก็มีสัดส่วนดูแลลูกจ้างพนักงานแต่กลายเป็นว่าแบ่งแยกกันไปสังคมก็เข้าใจว่าเป็นอย่างนี้มาตลอดว่าคนรวยคือคนรวยคนจนคือคนจน ไม่ใช่ต้องอธิบายว่าเราดูแลคนรวย คนจนอย่างไร
"บริษัทหนึ่งบริษัทหรือจะเครือบริษัทก็ตามไม่สามารถจะผูกขาดกับคนทั้งประเทศได้ผมพูดในหลักการของผมไม่ว่าจะใครก็ตามผมไม่ได้ไปเข้าข้างใครทั้งสิ้นแต่อย่าลืมว่าแต่ละบริษัทมีเครือข่ายของท่านไม่ใช่จำนวนทั้งประเทศมีสหกรณ์ ร้านค้าวิสาหกิจชุมชนอีกมากมายที่พวกนี้ต้องแข็งแรงขึ้นให้มีความสามารถเท่าหรือเหมือนกับบริษัท นั่นแหละเกษตรกรข้างล่างถึงจะเกิดการแข่งขัน พัฒนาตัวเองผมให้นโยบายในครม.ไปแล้วทำยังไงถึงจะทำให้เกษตรกรส่วนนึงมาอยู่ในระบบที่มีการขนส่งของเขาเองจะได้ไม่ถูกว่าดูแลแต่ข้างบนดูแลแต่คนรวยไม่ดูแลประชาชนวันนี้ผมเจอปัญหานี้ทั้งวันตั้งแต่เช้ายันเย็นก็ช่วยผมคิดหน่อยแล้วกัน"นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เราจะเป็นประธานอาเซียนในปีหน้าใครจะเป็นรัฐบาลก็ยังไม่ทราบแต่ตนจะเตรียมการทั้งหมดไว้เพื่อให้การพูดคุยในอาเซียนด้วยหลักการไทยแลนด์พลัสวัน รวมถึงเรื่องอีอีซีไทยแลนด์ 4.0อย่างไรก็ตามตนจำเป็นต้องพูดกับผู้ประกอบการเพราะท่านเป็นแกนสำคัญให้กับเราตนอาจจะพูดมาก 4 ปีคุณไม่คิดว่าตนเหนื่อยหรือตนเหนื่อยนะไม่ใช่พูดแล้วตนไม่ได้ตาม
ทุกเรื่องตนมีหลักฐานไว้หมดว่าพูดอะไรไปบ้างแล้วที่พูดเยอะๆข้าราชการก็ต้องเข้าใจหรือในรายการคืนความสุขทุกวันศุกร์ก็แล้วแต่ถือเป็นการสั่งงานของตนไปด้วยสั่งในที่ประชุมก็เยอะพอแล้ว เขาต้องเร่งทำถ้าติดกฎหมายก็ต้องมาดูหลายอย่างก็ติดด้วยกฎหมายเดิม
จะเห็นว่ากฎระเบียบออกมามากมายในช่วงรัฐบาลนี้แล้วก้เป็นประโยชน์ต่อท่านกับประเทศไทยทั้งสิ้นไม่ได้เป็นประโยชน์กับตน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามเกษตรกรคิดแต่เรื่องน้ำเรื่องราคาผลผลิตปลายทางแต่ต้นทางไม่รู้ใครเป็นรัฐบาลต้องไปหามาโดยไม่รู้ว่าเงินทั้งหมดมาจากภาษี อย่างนี้ไม่ได้สร้างการรับรู้แบบนี้ไม่ได้ส่วนการประกันราคาข้าวของรัฐบาลโดยตั้งราคาจากราคาเกณฑ์เฉลี่ย 3 ปีแล้วหารออกมา ไม่ใช่ตั้งส่งเดชอะไรก็ได้จะตั้งหมื่นแปดหมื่นเก้าไม่ใช่ฝากช่วยกันชี้แจงด้วยแล้วกัน ไม่เช่นนั้นก็จะติดอยู่เรื่องนี้เดี๋ยวคอยดูมีการหาเสียงเมื่อไหร่เรื่องนี้ก็จะกลับมาที่เดิมทุกอย่างก็ถอยหลังกลับมาที่เก่าหมด
“คำว่าประชานิยมไม่ใช่ผมพูดเองไม่ใช่ตำราใครด้วยผมดูตำราต่างประเทศเขา
เขาสรุปมาแล้วว่าประชาธิปไตยข้อเท็จจริงก็คือประชานิยมนั่นแหละเพราะมีการเลือกคนที่ชื่นชมชื่นชอบทำยังให้ชอบมันก็ต้องให้แต่ประชานิยมถ้าจะทำต้องมีประโยชน์ไม่มีผลต่อระบบการเงินการคลังของประเทศต่อไปในอนาคตไม่ใช่ว่าเงินเกินครึ่งของงบประมาณมาทำตรงนี้ทั้งหมดรัฐบาลยังต้องทยอยให้
ไม่ใช่ให้โครมให้ไปทั้งหมดแล้วได้กลุ่มนี้อยู่กลุ่มเดียวอยู่นั่นแหละ กล่มอื่นก็ไม่ดูยังมีคนจนอีกตั้งเยอะตั้งแยะแล้วขอให้เข้าใจด้วยที่พูดขอให้สื่อไปถึงประชาชน
แล้วบรรดานักการเมืองต่างๆที่พยามจะพูดอยู่ตอนนี้ไปบิดเบือนทุกอย่าง ที่ดีๆเขาก็มี ที่ไม่ดีมันก็เยอะผมก็เกรงว่าประชาชนจะเข้าใจผิดไปอีกแล้วจะกลับมาแบบเดิมเพราะคนรวยๆไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้ไม่มีเวลาแต่คนรายได้น้อยเขาจะสนใจเรื่องการเมืองสนใจเรื่องการเลือกตั้งแล้วถ้าบิดเบือนไม่เข้าใจกันแบบนี้ ใครเป็นคนเลือกตั้งแล้วจะกลับไปสู่ตรงไหนคิดกับผมแบบนี้ไม่ใช่ว่ากลัวผมจะเป็นหรือใครจะเป็น ไม่ต้องกลัวมันอยู่ที่ประชาชนเลือกถ้าเราไม่เข้าใจกันแบบนี้ผลการเลือกตั้งจะออกมายังไงก็คิดเอาแล้วกันแล้วผมก็ไม่สนใจใครจะว่าอะไรผมวันนี้เยอะไปหมดทุกวันมาบอกปิดกั้นปิดตรงไหนด่าโครมๆพูดอะไรบิดเบือนหมดผมก็เฉยๆ ”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า อย่ามาบอกว่าตนปิดกั้นการเป็นประชาธิปไตย แต่บ้านเมืองมันจะวุ่นวายไหม ไปคิดเอาแล้วกัน ถ้าวุ่นวายกันต่อ วันหน้าไปแก้กันเอาเอง ตนพยายามเดินหน้าไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ถ้าวุ่นวายกันอยู่แบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ เรื่องของท่านมีกลไกและกฎหมายออกมาเยอะแยะ ตนไม่ต้องไปสั่งใคร กฎหมายดีทุกตัววันนี้ปัญหาเยอะทุกวันถ้าข้างล่างไม่เข้าใจก็มีปัญหาทุกเรื่อง กับสื่อตนก็ไม่เคยไปตรวจสอบหรือปิดกั้นแต่อะไรที่มันบิดเบือนกลไกที่ตรวจสอบมีอยู่แล้วหรือบิดเบือนจนเกินไปจนมีคดีฟ้องร้องก็ว่ากันไปแต่คนส่วนใหญ่มักจะเกรงใจไม่อยากเป็นปัญหามีคดีความกับสื่ออะไรต่างๆเสียเวลา
“แต่วันนี้ผมคิดว่าผมต้องดำเนินการแล้วเหมือนที่คนด่าพวกท่าน ท่านก็ใช้กฎหมายหมิ่นประมาทหน่วยงานเขาก็ต้องรักษาศักดิ์ศรี ถ้าเขาไม่ได้ทำแบบนั้นแล้วไปว่าเขา เขาก็มีสิทธิ์ในการป้องกันตัวของเขาเหมือนกัน สื่อเองก็ต้องระวังตัวผมไม่ได้ขู่สื่อ เดี๋ยวกลายเป็นการขู่สื่ออีกทุกเรื่องอย่างใช้คำว่าปัด เหมือนกับว่าปฏิเสธความจริง พอชี้แจงดีขึ้นบอกว่าฟุ้งซึ่งสื่อคือตัวชี้นำวันนี้ก็บอกว่านายกฯ เป็นคนใจร้อน พูดไม่เข้าหูใคร อาทิตย์ไหนถ้าผมไม่อ่านหนังสือพิมพ์เลยน่าจะมีความสุขดี ตอนนี้กำลังคัดออกว่าฉบับไหนผมไม่อ่าน ไม่เคยสร้างประโยชน์ให้กับประเทศเลยน้อยมาก ทุกคอลัมน์เดี๋ยวจะถามประชาชนว่าหนังสือพิมพ์ฉบับไหนเชื่อมั่นมากที่สุด แล้วขอให้ตอบมาด้วยไอ้เรื่องที่เสนอครั้งเดียวจบ ไปพาดหัวหนึ่ง แล้วจะดีกับการค้าการส่งออกของเราอย่างไร การลงทุนของเราจะเกิดขึ้นได้ไหม จะไม่รับผิดชอบอะไรอย่างนี้ไม่ได้ตนไม่ได้กล่าวว่าของใคร ถ้าผมใช้อำนาจของผมจริงๆ ไม่มีหรอกไอ้เรื่องพวกนี้ยังไม่เคยทำแบบนี้สักครั้ง พูดไปก็เสียอารมณ์ แต่ทำอะไรต้องมีเหตุมีผล ชี้แจงได้ ส่วนสื่อดีๆนักการเมืองดีๆที่มีอยู่ก็ต้องขอขอบคุณ” นายกฯกล่าว