'ดีเอสไอ' จับนักแสดงชาวอเมริกัน ร่วมแชร์เทรดหุ้นข้ามชาติ

'ดีเอสไอ' จับนักแสดงชาวอเมริกัน ร่วมแชร์เทรดหุ้นข้ามชาติ

"ดีเอสไอ" รวบนักแสดงชาวอเมริกัน ร่วมขบวนการตุ๋นแชร์เทรดหุ้นอีเกิ้ลเกทส์ มูลค่าความเสียหาย 235 ล้าน

เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 61 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทีมโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว ร่วมกับตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดภูเก็ต จับกุม นายเดอร์ริค แมทธิว เคเลอร์ สัญชาติ อเมริกัน ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ในคดีฉ้อโกงประชาชน แชร์เทรดหุ้นอีเกิ้ลเกทส์ ขณะที่ผู้ต้องหาดังกล่าวเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทยในฐานะนักท่องเที่ยว จากการสอบปากคำผู้ต้องหารายนี้ ทราบว่า ประกอบอาชีพเป็นนักแสดงอิสระอยู่ที่ประเทศจีน ได้รับการว่าจ้างจากตัวการชาวสิงคโปร์ให้มาแสดงเป็นผู้บริหารบริษัท อีเกิ้ล เกทส์ กรุ๊ป จำกัด เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับบริษัทฯ ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะได้ทำการสืบสวนขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับตัวการชาวต่างชาติรายใหญ่ต่อไป

สำหรับคดีบริษัทอีเกิ้ลเกทส์ กับพวก หลอกลวงผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยอ้างว่า เป็นบริษัทซื้อขายดัชนีหุ้นมาจากสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งบริษัทมาแล้วกว่า 10 ปี ซึ่งพฤติการณ์ของขบวนการนี้ มีการกระทำความผิดในลักษณะองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ โดยให้กลุ่มหนึ่งจัดบรรยายชักชวนผู้เสียหายในประเทศไทยให้หลงเชื่อร่วมลงทุนกับบริษัท และอีกกลุ่มหนึ่งทำหน้าที่ในการยักย้ายถ่ายโอนเงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากผู้เสียหาย

คดีนี้มีผู้เสียหายประมาณ 250 ราย เข้ามาร้องเรียนกับดีเอสไอ มูลค่าความเสียหายประมาณ 235 ล้านบาท ดีเอสไอสรุปสำนวนการสอบสวนเสนออัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาสั่งคดีแล้ว โดยได้ดำเนินการขอออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งหมดรวม 32 ราย ประกอบด้วย ชาวไทย 23 ราย และชาวต่างชาติ 9 ราย จับกุมผู้ต้องหาได้แล้วทั้งสิ้น 13 ราย เป็นชาวต่างชาติ 1 ราย และชาวไทย 12 ราย จากนี้จะประสานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างประเทศเพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาชาวต่างชาติ และจะได้เร่งติดตามผู้ต้องหาตามหมายจับที่เหลือต่อไป

ทั้งนี้ จากการสืบสวนสอบสวน พบว่า กลุ่มผู้กระทำผิดมีพฤติการณ์ในการปกปิดซ่อนเร้นและโยกย้ายทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด โดยพบว่าในระหว่างเกิดเหตุมียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนเงินจากผู้เสียหายกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ถูกยักย้ายถ่ายโอนออกไปจนหมดหลังเกิดเหตุไม่นาน ดีเอสไอจึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขยายผลดำเนินคดีในความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งปัจจุบันได้รับอนุมัติเป็นคดีพิเศษ ที่ 39/2561 อยู่ระหว่างสืบสวนขยายผลบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องและตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดยมีการประสานข้อมูลร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และหน่วยงานต่างประเทศที่เกี่ยวข้อง