ดาวโจนส์ปิดบวกหลัง“ทรัมป์”วิพากษ์ประธานเฟด

ดาวโจนส์ปิดบวกหลัง“ทรัมป์”วิพากษ์ประธานเฟด

นอกจากนี้  บริษัท เป๊ปซี่ โค ประกาศซื้อกิจการ โซดาสตรีม เป็นจำนวนเงิน 3.2 พันล้านดอลลาร์ (2.5 พันล้านยูโร) นับเป็นการเข้าซื้อกิจการของเป๊ปซี่เป็นครั้งแรก ตั้งแต่นางอินทรา นูยี ประธานคณะกรรมการบริหารประกาศลาออก หลังจากกุมบังเหียนบริษัทมานานกว่า 12 ปี

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันจันทร์ (20ส.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ปรับตัวขึ้น ขานรับการทำข้อตกลงซื้อขายกิจการของบริษัทจดทะเบียน และการที่ประธานาธิบดีทรัมป์วิจารณ์ประธานธนาคารกลางสหรัฐกรณีที่เฟดมีนโยบายปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับการที่ตลาดได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคลายความกังวลการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 89.37 จุดหรือ 0.35% ปิดที่ 25,758.69 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 เพิ่มขึ้น 6.92 จุดหรือ 0.24% ปิดที่  2,857.05 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 4.68 จุดหรือ 0.06% ปิดที่ 7,821.01 จุด

ทั้งนี้  หุ้นไนกี้ทะยานขึ้นมากที่สุดในการซื้อขายช่วงแรก 

ขณะที่ปธน.ทรัมป์  กล่าวแสดงความเห็นในงานระดมทุนที่บ้านของนายโฮเวิร์ด ลอร์เบอร์ ประธานบริษัทดักกลาส เอลลิแมน ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ว่า เขาคิดว่านายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด จะใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน และจะไม่ดำเนินการอย่างเข้มงวดจนเกินไป ขณะที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

เฟด ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 5 ครั้งนับตั้งแต่ที่นายทรัมป์เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนม.ค.ปีที่แล้ว เทียบกับที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียง 1 ครั้งในสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามา และเฟดยังส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ และอีก 3 ครั้งในปีหน้า

นอกจากนี้ นักลงทุน ยังคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ทางการจีนยืนยันว่า คณะผู้แทนของจีนจะเดินทางไปยังสหรัฐภายในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่ของสหรัฐ โดยมีเป้าหมายที่จะคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า ขณะที่หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า การเจรจาดังกล่าวจะมีขึ้นในวันที่ 22-23 ส.ค. ซึ่งวันที่ 23 ส.ค.จะเป็นวันที่สหรัฐจะใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์