จับตาเจรจาการค้ารอบใหม่หนุนดาวโจนส์ปิดบวก

จับตาเจรจาการค้ารอบใหม่หนุนดาวโจนส์ปิดบวก

ส่วนผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 95.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 98 หลังจากแตะระดับ 97.1 ในเดือนก.ค.

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (17ส.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวขึ้นกว่า 100 จุด ขณะนักลงทุนจับตาการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์หน้า โดยหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า สหรัฐและจีนจะจัดการเจรจาการค้าในวันที่ 22-23 ส.ค.นี้ แต่ตรงกับวันที่สหรัฐจะใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่จีนก็ได้ขู่ตอบโต้สหรัฐเช่นกัน

ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปรับตัวขึ้น 110.59 จุดหรือ 0.43% ปิดที่ 25,669.32 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500  เพิ่มขึ้น 9.44  จุดหรือ 0.33% ปิดที่ 2,850.13 จุด และดัชนีแนสแด็กบวก 9.81 จุดหรือ 0.13% ปิดที่ 7,816.33 จุด

นายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐและจีนจะรื้อฟื้นการเจรจาการค้าในเดือนนี้ และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้การเจรจาได้ข้อตกลงที่ดีสำหรับสหรัฐ

 “รัฐบาลจีนจะต้องไม่ประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับความมุ่งมั่น และความเต็มใจของประธานาธิบดีทรัมป์ในการขจัดมาตรการที่เป็นภาษีและไม่ใช่ภาษี รวมทั้งการกำหนดโควตา การขโมยทรัพย์สินทางปัญญา และการบังคับให้มีการถ่ายโอนเทคโนโลยี” นายคุดโลว์ กล่าวและว่า ขอให้รอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น บางครั้งการเจรจาก็สามารถให้ผลดีกว่าที่คาดไว้

ทั้งนี้ จีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า โดยกระทรวงพาณิชย์จีน ระบุว่า คณะผู้แทนของจีน ซึ่งนำโดยนายหวัง โชเหวิน รมช.พาณิชย์จีน มีกำหนดเดินทางเยือนสหรัฐในเดือนนี้ เพื่อเจรจากับเจ้าหน้าที่สหรัฐ ซึ่งนำโดยนายเดวิด มัลพาส ปลัดกระทรวงการคลังฝ่ายกิจการระหว่างประเทศ

ผลการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มลดลงในการซื้อสินค้า ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภค 500 รายต่อภาวะเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ ฐานะการเงินส่วนบุคคล, ภาวะเงินเฟ้อ, การว่างงาน, อัตราดอกเบี้ย และนโยบายรัฐบาล