รวบแล้ว! นศ.แพทย์กัมพูชาฆ่าแฟนสาว ก่อนหนีกบดานไทย

รวบแล้ว! นศ.แพทย์กัมพูชาฆ่าแฟนสาว ก่อนหนีกบดานไทย

รวบแล้ว! นศ.แพทย์กัมพูชาฆ่าแฟนสาว ก่อนหลบหนีข้ามแดนเข้ามากบดานอยู่ใน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี เจ้าหน้าที่ระดมกำลังปิดล้อมจับกุม เตรียมส่งกลับประเทศ

เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2561 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึงกรณีการจับกุมนักศึกษาเเพทย์ สัญชาติกัมพูชา ที่ลงมือก่อเหตุฆ่าแฟนสาวในประเทศกัมพูชา แล้วหลบหนีเข้ามากบดานในประเทศไทย ว่าได้รับรายงานจาก สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ว่า วันนี้ (17 ส.ค.2561) เวลา 09.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายฮอน เวสนา (Mr.HOUN VEASNA) อายุ 22 ปี และนายบุน พลล็อก (Mr.BON PONLORK) อายุ 21 ปี ผู้ต้องหาสัญชาติกัมพูชา โดยกล่าวหาว่า เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ก่อนเกิดเหตุและจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนหาข่าว จนทราบว่าผู้ต้องหาดังกล่าวที่ได้ก่อเหตุลงมือฆ่าแฟนสาวตนในประเทศกัมพูชา และอยู่ระหว่างหลบหนีเข้ามากบดานอยู่ใน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี จึงทำการเข้าจับกุม เเต่ผู้ต้องหาไหวตัวทันหลบหนีการจับกุมเข้าไปในป่าทึบบริเวณหลังเขาพลอยเเหวน เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้เข้าทำการปิดล้อมและกดดัน ตั้งเเต่วันที่ 16 ส.ค.2561 เวลา 10.00 น. ถึงวันที่ 17 ส.ค.2561 เวลา 08.30 น.

กระทั่งผู้ต้องหาได้พยายามหลบหนีออกมาทาง ถนนสายพระยาตรัง ต.พลอยเเหวน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.จันทบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ท่าใหม่ เฝ้าดูอยู่ จึงได้ร่วมกันเข้าจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองรายส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังจากนี้ก็จะมีการส่งตัวผู้ต้องหาให้เจ้าหน้าที่ ตม. ผลักดันออกนอกราชอาณาจักรทางด่าน ตม.อรัญประเทศ ต่อไป

รอง โฆษก ตร. กล่าวต่อว่า การจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้เกิดจากการบูรณาการกำลัง และการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครองและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งด้านการข่าว ซึ่งที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ได้มีการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ที่เกี่ยวกับอาชญากรรมข้ามชาติตามแนวชายแดน เช่น การลักลอบขนคนเข้าเมือง การค้ามนุษย์ และอาชญากรรมอื่นๆ ตามนโยบายของ พล.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ที่เน้นย้ำให้การปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมระหว่างประเทศ จะต้องมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน