SAWAD - ซื้อ

SAWAD - ซื้อ

กลับสู่การฟื้นตัว!

เราปรับเพิ่มคาดการณ์ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยจากเดิมอยู่ที่ 16.5% มาอยู่ที่ 16.7% ในปี 2561 และจากเดิมอยู่ที่ 165.5% มาอยู่ที่ 17.1% ในปี 2562 ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2561 ของเรา 2% มาอยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท และ 6% สำหรับปี 2562 ที่ 3.3 พันล้านบาท เราคาดว่ากำไรจะฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 จนถึงปี 2562 ดังนั้น เราจึงปรับเพิ่มคำแนะนำจากเดิม “ ถือ”มาเป็น “ ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 45.50 บาท อ้างอิงจาก PBV ณ สิ้นปี 2561 ที่ 4.7 เท่า ( ค่าเฉลี่ย ROE อยู่ที่ 28.5% Ke ที่ 10.0% และการเติบโตของอุตสาหกรรมที่ 5%)

การปรับโครงสร้างธุรกิจใกล้สมบูรณ์ทำให้อัตราดอกเบี้ยรับสูงขึ้น

หลังจากการที่บริษัทต้องเผชิญกับการหดตัวของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยในช่วงปรับโครางสร้างธุรกิจให้สอดคล้องกับการควบรวม BFIT ในปี 2560 และ ช่วงครึ่งแรกของปี 2561 เราคาดว่าส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของ SAWAD จะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 เป็นต้นไป หนุนโดยการเติบโตของสินเชื่อประเภทที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง (เช่นสินเชื่อนาโน
ไฟแนนซ์และสินเชื่อเช่าซื้อรถจักยานยนต์และรถปิ๊ก) เราจึงทำการปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยจาก 16.5% มาอยู่ 16.7% ในปี 2561 และ จาก 16.5% มาอยู่ที่ 17.1% ในปี 2562 โดยเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่ออยู่ประมาณ 20-30% ทั้งในปี 2561 -2562 ทั้งนี้ เราประมาณการการเติบโตของสินเชื่อ (รวมสินเชื่อระหว่างธนาคาร) อยู่ที่ 20% ทั้งในปี 2561 และ2562

คุณภาพสินทรัพย์ยังอยู่ระดับดีเปิดโอกาสลดตั้งสำรองหนี้สูญฯ

ผู้บริหารกล่าวว่า อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในระดับปัจจุบันมากเกินพอที่จะสอดคล้องกับมาตรฐานบัญชี IFRS9 ในปี 2563 ดังนั้นเราคาดการตั้งสารองหนี้สูญฯ ปี 2H61 และ 2562 ต่ำลง ทั้งนี้เงินสำรองหนี้สูญฯของ BFIT มากกว่าที่ ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดถึง 796 ล้านบาท อย่างไรก็ตามเราคงคาดการณ์การตั้งสำรองฯ สุทธิที่ 420 ล้านบาท ในปี 2561 และ 500 ล้านบาทในปี 2562 เพิ่มขึ้นจาก 394 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เรามองว่าสัดส่วนการตั้งสำรองเพื่อหนี้สูญของ SAWAD อยู่ที่ 62% ของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ณ สิ้นเดือนมิ.ย. 2561 ซึ่งยังอยู่ในระดับที่จัดการได้เนื่องจากมูลค่าสินทรัพย์ค้ำประกันส่วนมากของลูกค้าสูงกว่ามูลหนี้ ราว 55% ทำให้เชื่อว่า กิจการจะสามารถดำรง อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญสะสมต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของ SAWAD ที่ 5% ณ สิ้นปี 2561 จากการเร่งยึดทรัพย์สินรอขายรวมถึงกระบวนการปรับโครงสร้างหนี้จากปีที่ผ่านมา

อัพไซต์จากธุรกิจบริหารสินทรัพย์และการเพิ่มสัดส่วนการถือครองหุ้น BFIT ปี 2562

กิจการมีแผนซื้อทรัพย์สินเพื่อขายต่อ (NPAs) จำนวน 3 พันล้านบาทในปีนี้ (โดยปกติจะซื้อ NPA ที่มีอัตราคิดลดตามมูลค่าที่ตราต่ำกว่า 40% ไว้ ด้วยอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับอยู่ที่สูงกว่า 25%) ในครึ่งแรกของปี 2561 SAWAD ซื้อทรัพย์สินจากการขายทอดตลาดทรัพย์ 2.3 พันล้านบาท

เรายังไม่ได้คำนวน ประมาณการกำไร จากการขายสินทรัพย์เข้าไปในประมาณการของเรา เนื่องจากผลตอบแทนยากที่จะประมาณการ แต่จากประสบการณ์ของเรา หากกิจการขาย NPA ที่อัตราผลตอบแทนที่ประมาณ 25% ทั้งหมดจะมีกำไรที่ 600 ล้านบาท

และหาก SAWAD เพิ่มสัดส่วนในการถือบริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทรที่ปัจจุบันถืออยู่ 45.34% เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 2561 (สัดส่วนถืออยู่ที่ 36.35% เมื่อวันที่ 31 ต.ค. 2560) ทำให้กิจการรับรู้กำไรจาก BFIT มากขึ้น โดยบริษัทมีเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทเงินทุนกรุงเทพธนาทรประมาณ 70% แต่ผู้บริหารยังไม่ได้กำหนดแผนการดังกล่าวว่าจะซื้อหุ้นเพิ่มเมื่อใด แต่เราคาดว่าน่าจะเป็นต้นปี 2562 ซึ่งแหล่งเงินทุนที่ให้ซื้อน่าจะมาจาก การออกหุ้นกู้