กองปราบยันออก8หมายเรียก 'เลิศฉัตรกมล-สุวิทย์' คดีตุ๋นบิทคอยน์

กองปราบยันออก8หมายเรียก 'เลิศฉัตรกมล-สุวิทย์' คดีตุ๋นบิทคอยน์

รองผู้การกองปราบฯ ยันออกหมายเรียก 8 ผู้ที่เกี่ยวข้องคดีตุ๋นบิตคอยน์ รวมถึง พ่อ-แม่บูม และอดีตทหารรับโอนหุ้นพี่ชายบูม ชี้แจงที่มาทรัพย์สินและหุ้น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผบก.ป. กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีออกหมายเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องกับคดีโกงเงินบิตคอยน์ว่า ทางพนักงานสอบสวนจะนำหมายเรียกไปส่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 8 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม

โดยกลุ่มแรกเป็นกลุ่มที่พนักงานสอบสวนมีพยานหลักฐานชัดเจนและพร้อมจะแจ้งข้อกล่าวหาในข้อหา “ฉ้อโกงทรัพย์” ประกอบด้วย นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม ดารานักแสดงหนุ่ม , นายปริญญา จารวิจิต พี่ชายของนายบูม ที่ตำรวจแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงินไปแล้วก่อนหน้านี้ ,นายธนสิทธิ์ จารวิจิต น้องของนายปริญญา , นายชาคริส อาห์มัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอ็กเปย์ จำกัด และ นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เจ้าพ่อตลาดหุ้นเมืองไทย ที่อ้างกับผู้เสียหายว่าจะขายหุ้นบริษัทดีเอ็นเอ 2002 จำกัด (มหาชน) ให้กับผู้เสียหาย 500 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 50 สตางค์ แต่กลับหาหุ้นมาให้ได้เพียง 345 ล้านหุ้นเท่านั้น และเป็นคนที่ไปเจรจานอกรอบกับผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายไม่ยอมความ โดยให้ทั้ง 5 คน เข้ามาพบพนักงานสอบสวนวันที่ 28-29 ส.ค.นี้ ส่วนกรณีนายปริญญา ที่ยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศก็ต้องออกหมายเรียกไปตามขั้นตอน หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการออกหมายจับทันที

พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่ออีกว่า ขณะที่อีกกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มที่จะต้องเรียกมาสอบปากคำก่อน คือ นางเลิศฉัตรกมล และนายสุวิทย์ จารวิจิตร พ่อแม่ของนายบูม ที่รับโอนเงินเข้าบัญชี 90 ล้านบาท ให้เข้ามาให้ปากคำในวันที่ 27 ส.ค.นี้ และนายธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตทหาร ที่รับโอนหุ้นจากพี่ชายบูม ซึ่งจะต้องเรียกเข้ามาสอบปากคำในวันที่ 28 สิงหาคมนี้ ถึงที่มาทรัพย์สินและหุ้น ว่าได้มาโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ หากไม่สามารถชี้แจงได้ ก็จะเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินเช่นกัน