หมายเรียก 'ประสิทธิ์' เอี่ยวโกงบิทคอยน์

หมายเรียก 'ประสิทธิ์' เอี่ยวโกงบิทคอยน์

ตำรวจออกหมายเรียก "ประสิทธิ์" และพวกรวม 5 ราย คดีเอี่ยวโกงบิทคอยน์ 797 ล้าน นัดมาพบภายใน 29 ส.ค.นี้ เผยอดีตผู้กองดังมีชื่อพัวพัน

พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รองผบก.ป.) ยืนยันว่า ในวันพรุ่งนี้ (17 ส.ค.) พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกผู้ที่เข้าข่ายกระทำความผิดในคดีโกงเงินบิตคอยน์มาสอบปากคำและแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์จำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1.นายปริญญา จารวิจิต 2.นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม ดารานักแสดงหนุ่ม 3.นายธนสิทธิ์ จารวิจิต น้องชายของนายปริญญา 4.นายชาคริส อาห์มัด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เอ็กเปย์ จำกัด และ 5.นายประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เจ้าพ่อตลาดหุ้นเมืองไทย หลังพบว่ามีการกระทำความผิดในการโกงเงินบิทคอยน์จาก นายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ 

ทั้งนี้ให้ทั้ง 5 คนมาพบพนักงานสอบสวนกองปราบฯในวันที่ 29 สิงหาคม 2561 อย่างไรก็ตามแม้ว่า นายปริญญา จะยังหลบหนีอยู่ต่างประเทศก็ต้องออกหมายเรียกไปตามขั้นตอน หากไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็จะดำเนินการออกหมายจับทันที

 พ.ต.อ.ชาคริต กล่าวต่อว่า การเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดมาแจ้งข้อหากลุ่มนี้ถือเป็นคนกลุ่มแรกที่พนักงานสอบสวนพบว่ามีการกระทำความผิดและกำลังตรวจสอบขยายผลด้วยว่าจะมีใครที่ร่วมกระทำความผิดด้วยก็จะเรียกตัวมาแจ้งข้อหาเพิ่มตามลำดับ 

อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบบัญชีผู้ถือหุ้น บริษัท ดีเอ็นเอ 2002 จำกัด(มหาชน) นั้นตำรวจพบพิรุธการถือครองหุ้นอยู่หลายส่วนด้วยกัน โดยส่วนสำคัญคือมีการถือหุ้นของอดีตนายทหารคนดังอยู่จำนวนมากในบริษัทแห่งนี้ ซึ่งพนักงานสอบสวนกำลังตรวจสอบเอกสารและจะทยอยออกหมายเรียกให้มาพบเพื่อซักถามและหากพบว่าร่วมกระทำความผิดด้วยก็จะดำเนินคดีต่อไป

รายงานข่าวระบุว่า ก่อนหน้าที่ นายเออาร์นี จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายปริญญาและพวกนั้น ได้มีนายทหารผู้มีอิทธิพลนอกราชการชื่อดังคนหนึ่งเข้านัดเจรจากับ นายอาร์นี โดยผ่านทางคนกลาง จากนั้นอดีตนายทหารได้อาสารับงานทวงเงินจำนวน 797 ล้านบาทจากกลุ่มต้องหาแต่ขอแบ่งเปอร์เซ็นต์จากการทวงหนี้จำนวน 30 เปอร์เซ็นต์ แต่นายเออาร์นี พิจารณาแล้วก็ได้ตอบปฏิเสธไป เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงและอาจจะมีการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงเดินทางเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราบดำเนินคดีตามกรอบของกฎหมายดังกล่าว

 รายงานข่าวแจ้งอีกว่า จากหลักฐานของ ป.ป.ง. ที่ส่งมาให้พนักงานสอบสวนกองปราบฯนั้นพบว่ามีรายชื่อของ นายณัฐนนท์ เศรษฐวรวิชิต คนสนิทของนายประสิทธิ์ ฝากเงินสดจำนวน 30 ล้านบาทที่ธนาคารแห่งหนึ่ง ไปยังบัญชีของ นางเลิศฉัตรกมล จารวิจิต มารดาของพี่น้องตระกูลจารวิจิต เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ซึ่งในประเด็นนี้พนักงานสอบสวนได้สอบปากคำ นายณัฐนนท์ ไปแล้วและได้ปฏิเสธว่าไม่เคยนำเงินจำนวนมากดังกล่าวไปฝากและที่ผ่านมาก็ไม่ได้สนิทกับ นายปริญญา หรือครอบครัวจารวิจิตจนวางใจให้ขนเงินสดมากถึง 30 ล้านบาทไปฝากให้กับมารดาของพี่น้องตระกูลนี้ 

ทั้งนี้พนักงานสอบสวนจะต้องไปสอบปากคำพนักงานธนาคารที่ทำธุรกรรมครั้งนี้ว่าสรุปแล้วใครเป็นคนไปฝากเงินจำนวนดังกล่าวเพื่ออำพรางการทำนิติกรรมจาก ป.ป.ง. และอาจจะเป็นไปได้ว่าพนักงานของธนาคารจะรู้เห็นด้วย ซึ่งหากพนักงานธนาคารร่วมกระทำความผิดก็อาจจะต้องถูกดำเนินคดีด้วยเช่นเดียวกัน