น้ำมันยังกดตลาด

น้ำมันยังกดตลาด

SET Index วานนี้ปรับตัวจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะความกังวลต่อวิกฤตเศรษฐกิจของตุรกี

ส่งผลให้มีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ โดยมีแรงขายในกลุ่ม Big Cap. นำด้วย  PTT ADVANC BDMS และ TRUE ภาพรวม SET Index ปิดที่ 1,676.29 จุด (-19.06 จุด) Volume 5.38 หมื่นลบ. จาก Foreign Net  -1,958.64 ลบ. TFEX Net -5,001 สัญญา ตราสารหนี้ +13,134 ลบ.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

+ยอดค้าปลีกสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.5% ได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของยอดขายรถยนต์และเสื้อผ้า

+ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.9% และการผลิตภาคอุตสาหกรรมของสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.1%

-ดาวโจนส์ปิดลบจากแรงฉุดของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน ในขณะเดียวกันนักลงทุนก็มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจในตุรกีและภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในจีน

-น้ำมันลงแรงหลังพบคลังปิโตรเลียมสำรองเพิ่มขึ้น 6.8 ล้านบาร์เรลสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐลดลง 1 จุด สู่ระดับ 67 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว

-ตุรกีออกโรงตอบโต้สหรัฐ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐ รวมรถยนต์

+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.85 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 33.32 บาท/US

ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงแรง ความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-ตุรกี และ Fund flow ไหลออกเพื่อลดความเสี่ยงของผลตอบแทน  ขณะที่ปัจจัยบวกภายในและภายนอกดูจะมีน้ำหนักน้อย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,665-1,685 จุด

กลยุทธ์การลงทุน   

- DTAC ADVANC ผ่านคุณสมบัติเข้าประมูลคลื่น 1800 MHz ประมูล 19 ส.ค.

- MSCI เพิ่มน้ำหนัก IVL ลดน้ำหนัก PTT CPALL AOT

- ค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวขึ้น SPRC IRPC

- CPALL ROBINS HMPRO BEM ครม.คง VAT ที่ 7% อีก 1 ปี

- KCE SVI CPF GFPT กลุ่มส่งออก ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.32 บาท/US

หุ้นแนะนำพิเศษ

CPN Analyst Meeting (ราคาปิด 78.25 Bloomberg Consensus 85.81) : long term growth

  • 2Q61 กำไรสุทธิ 2,935 ลบ. +18%YoY +4%QoQ ใกล้เคียงกับ Bloomberg คาด 1H61 กำไรสุทธิ 5,259 ลบ. +9% จากการบริหารจัดการศูนย์การค้า 32 แห่ง อัตราการเช่าพื้นที่ 92% same store growth 3% ตามเป้าของผู้บริหาร ไตรมาสนี้มีรายได้จากการโอนคอนโดฯ 3 แห่งที่ระยอง ขอนแก่น เชียงใหม่ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นต่ำกว่ารายได้ค่าเช่าทำให้อัตรากำไรขั้นต้น 1H61 ลดเหลือ 49% จาก 51% ใน 1H60 ส่วน EBITDA margin อยู่ที่ 52.8% ลดลงจาก 56.4% ใน 1H60
  • แผนในอนาคตปีนี้จะเปิดสาขาใหม่ที่ภูเก็ต 10 ก.ย. ปีหน้าจะเปิดเซ็นทรัล วิลเลจ เซ็นทรัลพลาซา อยุธยา และเซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ มาเลเซีย รวมทั้งมีกำหนดโอนคอนโดฯ 3 แห่งที่นครราชสีมา เชียงราย และเชียงใหม่ 2 มูลค่ารวม 2.2 พันลบ.
  • ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อปัจจัยพื้นฐานระยะยาวที่รายได้และกำไรมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เฉลี่ย 12,038 ลบ. เติบโต 22% จากกำไรปกติ 9,893 ลบ.ในปี 60 ซึ่งไม่รวมรายการพิเศษในการได้รับสินไหมทดแทน 3.5 พันล้านบาทและรายได้สุทธิจจากการแปลง CPNRF เป็น CPNREIT แนะนำ ซื้อ

BCP  Analyst Meeting (ราคาปิด 39.75 บาท Bloomberg Consensus 41 บาท)

  • รายงานกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 1,007 ลบ. +1%YoY -12%QoQ จากธุรกิจโรงกลั่นที่มีการหยุดซ่อมบำรุงช่วง Q2 (30 เม.ย. – มิ.ย.) อีกทั้งรายจ่ายการด้อยค่าสินทรัพย์จากบริษัท Nido 412 ลบ. แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมีรายได้ชดเชย จากการรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 56 ลบ. และ กำไรสต๊อกสินค้า 856 ลบ.
  • คาดช่วง 2H61 จะเติบโตต่อเนื่องจากธุรกิจโรงกลั่นที่กลับมาผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่กำลังผลิตราว 120KBD หลังจากที่มีการหยุดซ่อมบำรุงในช่วง 2Q61 โดย 1Q61 ใช้กำลังการผลิตเพียง 66.8KBD ประกอบกับแผนการเปิดปั้มน้ำมันเพิ่มอีกราว 48 แห่ง พร้อมกับการเปิดร้านค้าภายใต้ชื่อ SPAR และ Inthanin อีก 23 แห่ง และ 80 แห่ง ตามลำดับ
  • ถึงแม้ว่า Bloomberg Consensus คาดกำไรสุทธิปีนี้ราว 5,359 ลบ. -7.24% (กำไร 1H61 ที่ 2,494 ลบ.) แต่เรายังคงมีมุมมองบวกสำหรับ 2H61 ที่คาดว่าผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นจากเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น และราคาหุ้นได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 41 บาท คำแนะนำ “ซื้อ”
  • +TEAMG ได้งานที่ปรึกษาเตรียมความพร้อม PPP พื้นที่สถานีกลางบางซื่อ แปลง A
  • “กสทช.” ประกาศ ADVANC-DTAC ผ่านคุณสมบัติผู้มีสิทธิเข้าประมูลคลื่น 1800 MHz ลงสนามประมูลจริงวันที่ 19 ส.ค.นี้ พร้อมจ่อเรียกคืนคลื่น MCOT-THCOM นำกลับมาประมูลใหม่ รองรับเทคโนโลยี 5G ปี 63 (ที่มาข่าวหุ้น)

     รายชื่อหุ้นโดนแขวนป้าย C ได้แก่ APEX, AQ, AS, DIGI, EIC, EMC, FC, GJS, HYDRO, MPG,SPORT, T, TFI, TSF, UMS, EFORL, PACE เนื่องจากมีส่วนของ ผู้ถือหุ้นน้อยกว่า 50% ของทุนชำระแล้ว สำหรับงบการเงินงวด 2Q61 ซึ่งจะต้องซื้อขายด้วยบัญชี Cash Balance  จนกว่าจะแก้เหตุดังกล่าวได้

หุ้นมีข่าว   

PTT Analyst Meeting (ราคาปิด 51 Bloomberg Consensus 57.41)

· บริษัทในกลุ่มมีการขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องทั้ง PTTGC ที่ได้เข้าซื้อบริษัทผลิต PTA และ PET กำลังการผลิตรวม 1.12 ล้านตันต่อปี และ TOP ได้ประกาศการลงทุนโครงการ CFP ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังการกลั่นอีกทั้งสามารถกลั่นน้ำมันที่มีต้นทุนถูกลงได้ ด้าน GPSC มีแผนซื้อ GLOW เพื่อขยายกำลังการผลิตจาก 1.53 พันMW สู่ 4.42 พันMW

· PTT จะโอนทรัพย์สินเกี่ยวกับธุรกิจน้ำมันให้ PTTOR ใน Q3/61 และคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดฯได้ภายใน 2Q62 ซึ่งจะช่วยปลดล็อกมูลค่าบริษัทเพราะธุรกิจค้าปลีกซื้อขายที่ PE Ratio สูงกว่าธุรกิจพลังงาน

· ความเห็น คาดไตรมาส 3 ผลประกอบการอาจอ่อนตัวลงเนื่องจากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่โรงแยกก๊าซธรรมชาติแห่งที่ 3 และธุรกิจโรงกลั่นค่าการกลั่นมีแนวโน้มอ่อนตัวจากโรงกลั่นในภูมิภาคกลับมาดำเนินการผลิต ขณะที่ราคาน้ำมันอาจปรับตัวขึ้นได้จำกัดเนื่องจากสหรัฐยังผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และอุปสงค์ที่อ่อนตัวจากสงครามการค้าคอยกดดันผลประกอบการธุรกิจโรงกลั่นและธุรกิจผลิตและสำรวจ

BCPG  Analyst Meeting (ราคาปิด 19.20 บาท Bloomberg Consensus 19.30 บาท)

· รายงานกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 418.9 ลบ. +19.3%QoQ เติบโตตามปัจจัย Seasonal แต่ -9.4%YoY เนื่องจาก 2Q60 รับรู้รายการพิเศษจากการเข้าซื้อกิจการในประเทศญี่ปุ่น 140 ลบ. และกำไรพิเศษจากโรงไฟฟ้าในประเทศฟิลิปปินส์อีก 53.1 ลบ. อย่างไรก็ตาม สำหรับ 2Q61 มีการรับรู้รายการพิเศษจากค่าประกันภัยในโครงการ Nagi ที่ประเทศญี่ปุ่น 100.97 ลบ.

· สำหรับ 2H61 มีการ COD ช่วง 3Q61 โครงการโซลาร์ฟาร์มราชการร่วมกับ อพศ. จำนวน 8.94MW อีกทั้งจะมีการขายทรัพย์สินให้กับ Infrastructure Fund ในประเทศญี่ปุ่น สำหรับโครงการโซลาร์ฟาร์ม Nikaho และ Nagi ซึ่งมีกำลังผลิตรวม 27.6 MW มูลค่าราว 3,185 ลบ.

· เรามองว่าผลประกอบการ 2H61 ใกล้เคียงกับ 1H61 เนื่องจากได้ผ่านช่วง Peak สำหรับธุรกิจโซลาร์ฟาร์มตามปัจจัย Seasonal ในช่วงไตรมาส 2 มาแล้ว แต่อาจถูกชดเชยด้วยโครงการที่เข้ามาใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดกำไรทั้งปีที่ราว 1,973 ลบ. -2.13% คำแนะนำ Wait&See

SC Analyst Meeting (ราคาปิด 3.64 Bloomberg Consensus 4.68)

· 2Q61 มีกำไรสุทธิ 446 ลบ. +68%YoY +72%QoQ 1H61 มีกำไรสุทธิ 704 ลบ. +107% อัตรากำไรขั้นต้น 35% ลดลงจาก 37% ใน 1H60 จากการลดลงของอัตรากำไรขั้นต้นโครงการเพื่อขายและโครงการเพื่อเช่า แต่สัดส่วนคชจ.ขายและบริหารต่อยอดขายรวมที่ลดเหลือ  21% จาก 27.7% ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับดีขึ้นสู่ 10.6% จาก 7.3% ใน 1H60 โดยมี backlog ปลายมิ.ย. เท่ากับ 10,730 ลบ. ซึ่งราว 45% จะโอนภายในปีนี้ 

· ครึ่งปีหลังมีแผน Relaunch คอนโดฯที่สร้างเสร็จ 2 โครงการได้แก่ ศาลาแดงวัน มูลค่า 4.7 พันลบ. ขายแล้ว 49% เริ่มโอนบางส่วนในช่วงปลาย 2Q61 และ BEATNIQ มูลค่า 4 พันลบ. ขายแล้ว 38% รวมทั้งเปิดขายใหม่ 15 โครงการมูลค่ารวม 1.5 หมื่นลบ.เป็นแนวราบ 14 โครงการคอนโดฯ 1 โครงการ

· ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อผลประกอบการปีนี้ที่จะพลิกเติบโตสูงจากที่หดตัวในปีก่อนหน้า Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เฉลี่ย 2,018 ลบ.พลิกเติบโต 60% จากที่หดตัว 36% ในปี 60 และ IAA Consensus คาด yield 5.5% น่าสนใจลงทุนระยะยาวรับเงินปันผล

 

SSP จะใช้เงินไม่เกิน 17.6 ล้านเหรียญฯ ซื้อโครงการโซลาร์ฟาร์ม 49.61 MW ในเวียดนาม

· SSP อนุมัติให้บริษัทย่อย คือ บริษัท Sermsang International (SI) เข้าลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้น 80% ของบริษัท TTQN ซึ่งดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ กำลังการผลิตติดตั้ง 49.61 MW ในประเทศเวียดนาม (โครงการ Binh Nguyen Solar Power Plant) มีมูลค่าการลงทุนราว 584.2 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าการเข้าดำเนินการจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิ.ย.62 (ที่มา : IQ)

· ความเห็น : การเข้าซื้อโครงการโซลาร์ฟาร์มซึ่งมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการลงทุนราว 39.7 MW จะช่วยหนุนการเติบโตของบริษัทอย่างก้าวกระโดด จากกำลังการผลิตปัจจุบันที่ 85 MW อย่างไรก็ตามยังต้องรอความชัดเจนเรื่องมูลค่าการลงทุนรวมของทั้งโครงการ ทำให้อาจต้องมีการซื้อหุ้นเพิ่มทุนในอนาคต ซึ่งคาดจะแล้วเสร็จภายใน 30 มิ.ย. 62

· RML จะลงทุนในทรัพย์สิน "เคพีเอ็น แลนด์" มูลค่า 1.57 พันลบ. คอนโดฯโครงการ S19 และ S28 ชำระด้วยเงินสด-หุ้นเพิ่มทุนจำนวน 597 ล้านหุ้น ส่งผลให้ KPNL เข้าถือหุ้น 14.31%