นายกฯปาฐกถาพิเศษ CLMVT Forum 2018 ย้ำไทยเกื้อกูลแบบ win-win

นายกฯปาฐกถาพิเศษ CLMVT Forum 2018 ย้ำไทยเกื้อกูลแบบ win-win

"พล.อ.ประยุทธ์" เปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษ ในการประชุม CLMVT Forum 2018 ดึง 5 ชาติร่วมมือสร้างความร่วมมือเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด ย้ำไทยเกื้อกูลแบบ win-win

วันนี้ (16 สิงหาคม 2561) เวลา 09.00 น. พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและกล่าวปาฐกถาพิเศษในการประชุม “CLMVT Forum 2018” ณ โรงแรมเซนทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยมีผู้เข้าฟังสัมนา 1000 คน จากประเทศกัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และไทย

โดยสรุปสาระสำคัญดังนี้รัฐบาลไทยมีความยินดีที่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุม CLMVT Forum 2018 ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อขับเคลื่อนการสร้างความเชื่อมโยง (Connectivity) อย่างใกล้ชิด รวมทั้งเพื่อสร้างเครือข่ายของผู้นำทางธุรกิจ ผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ผู้กำหนดนโยบาย นักวิชาการ และเยาวชนคนรุ่นใหม่ในภูมิภาค CLMVT ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเปลี่ยนโลก เพื่อส่งเสริมความเจริญ ก้าวหน้าร่วมกัน สอดคล้องกับหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดหลักของการประชุมคือ “การทะยานสู่อนาคตของภูมิภาค CLMVT ด้วยเทคโนโลยี” (CLMVT Taking-Off Through Technology)

ทั้งนี้ ประเทศไทยยึดมั่นในหลักการ stronger together โดยการเคารพและเกื้อกูลกันแบบ win-win รวมถึงการกระจายโอกาสให้ทั่วถึง (Inclusive Growth) ดังนั้น การแข่งขันและความร่วมมือจะต้องดำเนินควบคู่กันไปอย่างสมดุล จึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน และนำไปสู่การเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน กลุ่ม CLMVT ได้รับความสนใจจากทั่วโลกในฐานะของภูมิภาคที่มีศักยภาพทางการค้าและการลงทุน ดังนั้น CLMVT ควรมีเวทีหารือทิศทางอนาคตร่วมกัน และประสานเสียงกันเพื่อร่วมมือกับนานาประเทศโดยรอบ ซึ่งเวที CLMVT Forum จะเป็นการหารือความร่วมมือในการขับเคลื่อนการส่งเสริมความเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อภายใน CLMVT ด้วยการนำของภาคเอกชนและวิชาการเป็นหลัก เพื่อปรับตัวรองรับเศรษฐกิจยุคใหม่ไปพร้อม ๆ กัน โดยไม่มีช่องว่างในการพัฒนาเพื่อก้าวไปสู่การเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียวกัน ที่เชื่อมโยงห่วงโซ่มูลค่าจากภูมิภาคสู่ตลาดโลก โดยการประชุมในวันนี้จะครอบคลุมใน 2 มิติ คือ การพัฒนาที่ทั่วถึงและลดความเหลื่อมล้ำ

2_24

โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกคนร่วมกันเสนอแนะแนวทางการปรับตัวรับบริบทใหม่ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยี ซึ่งเศรษฐกิจของ CLMVT มีการยึดโยงกัน เสมือนผ้าผืนเดียวกัน การที่จะขยับปรับตัว จึงต้องอาศัยการประสานงานที่ใกล้ชิด เพื่อที่จะดึงดูดและปรับใช้เทคโนโลยีให้ได้อย่างเต็มที่ โลกได้เข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 แล้ว ซึ่งเป็นยุคแห่งการหลอมรวมของเทคโนโลยีหลายสาขา ทั้งเทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีกายภาพ และเทคโนโลยีชีวภาพ ทำให้วิถีชีวิตและการทำธุรกิจเปลี่ยนไป ดังนั้น CLMVT ต้องพร้อมกันยกระดับศักยภาพทางเทคโนโลยีให้ได้เร็วที่สุด

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีผลกระทบเป็นอย่างมากต่อการผลิต โดยเฉพาะเทคโนโลยีดิจิทัล สามารถช่วยทำให้ธุรกิจสร้างสรรค์สินค้า และบริการได้ตรงตามความต้องการของลูกค้าเฉพาะราย (Customization) ได้มากขึ้น และรวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความได้เปรียบในการแข่งขัน และในบริบทของ CLMVT เทคโนโลยีสามารถถูกนำมายกระดับภาคเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูปตลอดห่วงโซ่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อคุณภาพชีวิตของเกษตรกร

ภาคธุรกิจควรประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกับกระบวนการต่างๆ ของธุรกิจ (Digital Transformation) เพื่อยกระดับและเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ตั้งแต่การออกแบบและคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค การผลิตสินค้าและบริการที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ การกระจายสินค้าและการตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคเฉพาะกลุ่ม รวมถึงการให้บริการหลังการขาย ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ธุรกิจ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ต้องนำไปปรับใช้เพื่อเพิ่มความได้เปรียบทางการแข่งขันของตนเองในยุคเศรษฐกิจใหม่ได้

ในขณะเดียวกันกระบวนการเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล (digitalization) ได้ส่งผลให้เกิดการค้ารูปแบบใหม่ มีการทำการค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น เราจึงต้องสร้างสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการค้าในรูปแบบใหม่ให้ได้มากที่สุด ซึ่งรวมถึงการสร้างระบบขนส่งโลจิสติกส์ และการชำระเงินข้ามพรมแดนแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สะดวกและปลอดภัย รวมทั้งการพัฒนาความเชื่อมโยงทางระบบดิจิทัลระหว่างประเทศ และการสร้างความเชื่อมั่นในการซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์ โดยภาครัฐจะปลดล็อคและปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสร้างสรรค์ไอเดียของภาคธุรกิจ

ดังนั้น ภาคธุรกิจจำเป็นต้องปรับตัวและหันมาใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ให้มากขึ้น รวมถึงภาครัฐก็ต้องปรับใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เช่นกัน เพื่อปรับปรุงการให้บริการแก่ประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น