วิตกค่าเงินตุรกีฉุดดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า100จุด

วิตกค่าเงินตุรกีฉุดดาวโจนส์ปิดร่วงกว่า100จุด

ท่ามกลางปัญหาพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและตุรกีที่รุนแรงขึ้นต่อเนื่อง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ส.ค.) เนื่องจากวิกฤตค่าเงินของตุรกี รวมทั้งข้อพิพาทด้านการค้าระหว่างสหรัฐและตุรกี และผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียน ส่งผลให้นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของราคาน้ำมันดิบยังได้ฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงด้วยเช่นกัน

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,162.41 จุด ลดลง 137.51 จุด หรือ -0.54% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 2,818.37 จุด ลดลง 21.59 จุด หรือ -0.76% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 7,774.12 จุด ลดลง 96.78 จุด หรือ -1.23%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการร่วงลงของค่าเงินตุรกีและผลกระทบที่จะลุกลามไปยังประเทศต่างๆ รวมทั้งข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและตุรกี หลังจากรัฐบาลตุรกีประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ซึ่งรวมถึงรถยนต์โดยสาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้เพิ่มอัตราภาษีต่อเหล็กและอลูมิเนียมที่นำเข้าจากตุรกีขึ้นอีกสองเท่า โดยอัตราภาษีเหล็กนำเข้าจากตุรกีจะอยู่ที่ 50% และอลูมิเนียมอยู่ที่ 20%

ทั้งนี้ นายเรเซป เตย์ยิป เออร์ดวน ประธานาธิบดีตุรกี ได้ลงนามในคำสั่งให้ปรับขึ้นภาษีรถยนต์จากสหรัฐเป็น 120% และขึ้นภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็น 140% ขณะที่ขึ้นภาษีบุหรี่เป็น 60% นอกจากนี้ ตุรกียังได้ปรับขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องสำอาง ข้าว และถ่านหินจากสหรัฐด้วย

ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ดิ่งลงอย่างหนักถึง 3% โดยหุ้นเชฟรอน ร่วงลง 3.8% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 3.4% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 1.7% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 4.5% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ลดลง 2.4%