'5 เขื่อนใหญ่' เร่งระบายน้ำ เตือน 28 จังหวัดเสี่ยงท่วม

'5 เขื่อนใหญ่' เร่งระบายน้ำ เตือน 28 จังหวัดเสี่ยงท่วม

“สทนช." สั่ง 9 หน่วยงานติดตามพายุ "เบบินคา" เน้น 5 เขื่อนใหญ่เร่งระบายน้ำมีฝนมาก 15-19 ส.ค.นี้ เตือน 28 จังหวัดเสี่ยงท่วม เฝ้าระวังแม่น้ำโขงน้ำสูงขึ้นไหลจากประเทศจีน และลาว กระทบแม่น้ำสงคราม-แม่น้ำชี-ลำน้ำอูน-ก่ำล้นตลิ่งจุดท่วมซ้ำซาก

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2561 ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) สรุปสถานการณ์น้ำว่าจากพายุโซนร้อน “เบบินคา” คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันที่ 15 -19 ส.ค. 61 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง

รวมถึงดินโคลนถล่มได้โดยเฉพาะ 28 จังหวัด ที่ต้องเฝ้าระวัง ภาคเหนือ เชียงราย พะเยา น่าน แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก เพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี ภาคกลาง กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออก นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด ภาคใต้ ระนอง พังงา

โดยสถานการณ์ลำน้ำ ปัจจุบันมีน้ำล้นตลิ่งบริเวณ แม่น้ำสงคราม จังหวัดบึงกาฬ แม่น้ำชี จ.อุบลราชธานี ลำน้ำอูน และลำน้ำก่ำ จ.สกลนคร แม่น้ำแควน้อย จ.กาญจนบุรี คลองอิปัน แม่น้ำตาปี ท้ายเขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฏร์ธานี ส่วนแม่น้ำโขง บริเวณที่ติดกับประเทศไทยมีระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง แต่ระดับน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำที่ไหลจากประเทศจีนเพิ่มขึ้น และจากการคาดการณ์ฝนในช่วงวันที่ 15-16 ส.ค. มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศ สปป.ลาว และบริเวณจังหวัดชายแดนของประเทศไทย ทั้งนี้อาจส่งผลต่อการไหลของแม่น้ำสงครามลงแม่น้ำโขง

สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีระดับเกินเกณฑ์ควบคุม และปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุ มีจำนวน 3 แห่ง ดังนี้1. เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ปริมาณน้ำ 726 ล้าน ลบ.ม. หรือ 102% มีน้ำไหลเข้าวันละ 14.80 ล้าน ลบ.ม. น้ำระบายออกวันละ 13.80 ล้าน ลบ.ม. น้ำล้นทางระบายน้ำสูง 36 ซม. อาจมีฝนตกมากขึ้นส่งผลให้น้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป ปัจจุบัน อ.เมืองเพชรบุรีมีระดับน้ำลดลง ต่ำกว่าตลิ่ง 1.05 ม. 2. เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร มีน้ำ 534 ล้าน ลบ.ม. หรือ 103 % มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง บริเวณบ้านนาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนม บ้านพอกใหญ่ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร

3. เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี มีน้ำ 7,669 ล้าน ลบ.ม. หรือ 87% ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 100.01 ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 71.93) มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ 42.05 ล้าน ลบ.ม. ทั้งนี้อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำในอ่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีจำนวน 2 แห่ง คือ 1. เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฏร์ธานี ปริมาณน้ำ 4,889 ล้าน ลบ.ม.หรือ 87% ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 31.75 มีน้ำไหลออกวันละ 11.24 ล้าน ลบ.ม.โดยมีแผนทยอยระบายน้ำเพิ่มขึ้นจนถึงวันละ 15 ล้าน ลบ.ม.

2. เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก มีปริมาณน้ำ 183 ล้าน ลบ.ม. หรือ 82% น้ำไหลเข้าวันละ 12.05 น้ำไหลออกวันละ 3.11 ล้าน ลบ.ม. พร้อมเตือนอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำมากกว่า 80% เร่งพร่องน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนวชิลาลงกรณ เขื่อนน้ำอูน เขื่อนขุนด่านปราการชล เขื่อนคิรีธาร เขื่อนแก่งกระจาน อาจจส่งผลกระทบให้น้ำไหลข้ามทางระบายน้ำล้นของเขื่อนและส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ ให้เฝ้าระวัง และให้ 9 หน่วยงานติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดปฏิบัติการ 24 ชั่วโมง