ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก4เดือน '3นักกิจกรรม' ฉีกบัตรลงประชามติ

ศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุก4เดือน '3นักกิจกรรม' ฉีกบัตรลงประชามติ

"โตโต้" นายกสมาคมเพื่อเพื่อน โดนโทษหนักขึ้นจากคุก 2 เดือนเป็น 4 เดือน ฐานก่อความวุ่นวาย พ.ร.บ.ประชามติฯ ส่วนเพื่อนอีก 2 คนถ่ายวีดีโอโดนด้วย แต่ศาลยังให้โอกาสรอลงอาญา 2 ปี

ที่ศาลจังหวัดพระโขนง ถนนสรรพาวุธ เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีฉีกบัตรออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฯปี 2560 คดีหมายเลขดำ 5952/2559 ที่พนักงานอัยการคดีอาญากรุงเทพใต้ (พระโขนง) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายปิยรัฐ หรือโตโต้ จงเทพ อายุ 27 ปี นายกสมาคมเพื่อเพื่อน , นายจิรวัฒน์หรือตั้ม เอกอัครนุวัฒน์ และนายทรงธรรมหรือเดฟ แก้วพันธุ์พฤกษ์ เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานทำให้เสียหาย หรือทำลายเอกสารของผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 , ทำให้ทรัพย์สินสาธารณะเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 358 และผู้ใดทําลายบัตรที่มีไว้สําหรับการออกเสียงโดยไม่มีอํานาจกระทําได้ หรือจงใจ กระทําการด้วยประการใด ๆ ให้บัตรออกเสียงชํารุด หรือเสียหาย หรือกระทําการด้วยประการใด ๆ แก่บัตรเสียให้เป็นบัตรที่ใช้ได้ ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงร่างประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2559 มาตรา 59, ผู้ใดกระทําการในระหว่างเวลาเปิดการลงคะแนนออกเสียง โดยก่อความวุ่นวายขึ้นในที่ออกเสียง หรือกระทําการใดอันเป็นการรบกวนหรือเป็นอุปสรรคแก่การออกเสียง มาตรา 60 (9) กรณีเมื่อวันที่ 7 ส.ค.59 อันเป็นวันออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ นายปิยรัฐ เดินทางไปยังคูหาลงคะแนนเสียงที่เขตบางนาและฉีกบัตรลงคะแนน เพื่อแสดงออกว่าไม่ยอมรับการลงประชามติที่ปราศจากความชอบธรรมภายใต้การใช้อำนาจควบคุมการแสดงออกของ คสช.โดยนายทรงธรรมกับนายจิรวัฒน์ เป็นผู้ถ่ายคลิปวิดีโอการฉีกบัตรดังกล่าว

โดยระหว่างการพิจารณาคดีเมื่อปี 2559 ทั้งสามก็ได้รับการประกันตัว ซึ่งศาลจังหวัดพระโขนง ได้อ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 26 ก.ย.59 เวลา 09.00 น. ให้จำคุก 4 เดือนและปรับ 4,000 บาท นายปิยรัฐ จำเลยที่ 1 ซึ่งให้การรับสารภาพว่ากระทำการฉีกบัตรจริง อันเป็นความผิดตามกฎหมายฐานทำลายบัตรออกเสียงและทำให้ทรัพย์สินสาธารณะเสียหาย โดยจำเลยรับสารภาพศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงจำคุก 2 เดือนและปรับ 2,000 บาท ขณะที่โทษจำคุกนั้นศาลให้รอลงอาญาไว้กำหนด 1 ปี และให้ยกฟ้อง นายปิยรัฐ จำเลยที่ 1 ฐานก่อความวุ่นวายขึ้นในที่ออกเสียง หรือกระทําการใดอันเป็นการรบกวนหรือเป็นอุปสรรคแก่การออกเสียง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงร่างประชามติฯ มาตรา 60 (9) ด้วย ส่วนนายจิรวัฒน์ และนายทรงธรรม จำเลยที่ 2-3 ก็พิพากษายกฟ้องทุกข้อหา

ต่อมาอัยการโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ ว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามเป็นการกระทำผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงร่างประชามติฯ มาตรา 60 ด้วย ขณะที่นายปิยรัฐจำเลยที่ 1 ก็ยื่นอุทธรณ์ด้วยว่า ขอให้ศาลพิจารณาพิพากษาโทษ เป็นการรอการกำหนดโทษไว้ก่อน

โดย นายกฤษาฎางค์ นุตจรัส ทีมทนายความจำเลย ได้เปิดเผยผลคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว ก็มีคำพิพากษาแก้เป็นว่า ในส่วนของนายปิยรัฐ จำเลยที่ 1 มีความผิดข้อหาฉีกบัตรฯ และ ความวุ่นวายขึ้นในที่ออกเสียง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงร่างประชามติฯ ซึ่งเป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทบท จึงให้ลงโทษฐานก่อความวุ่นวายขึ้นในที่ออกเสียง และพิพากษากลับลงโทษจำเลยที่ 2-3 ด้วยฐานก่อความวุ่นวายขึ้นในที่ออกเสียง ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงร่างประชามติฯ โดยให้จำคุกทั้งสาม เป็นเวลา 6 เดือน คำให้การเป็นประโยชน์อยู่บ้างลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 4 เดือน โดยโทษจำคุกนั้นให้รอลงอาญาไว้กำหนดคนละ 2 ปี อย่างไรก็ดีเรื่องจะฎีกาหรือไม่ก็จะต้องหารือกันอีกครั้ง ซึ่งจำเลยนั้นก็ยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดในการก่อความวุ่นวาย และส่วนของจำเลยที่ 2-3 ก็ไม่ได้เข้าไปในบริเวณคูหาแต่อย่างใด