'พี่สาวบูม' อ้างไม่ทราบเงิน 'พี่ชาย' มาจากการกระทำความผิด

'พี่สาวบูม' อ้างไม่ทราบเงิน 'พี่ชาย' มาจากการกระทำความผิด

"พี่สาวบูม" รับโอนเงินมาจาก "พี่ชาย" จริง ประมาณ 200 ล้านบาท อ้างไม่ทราบว่าเงินมาจากการกระทำความผิด เตรียมออกหมายจับกลุ่มเครือญาติที่รับโอนเงินเพิ่มเติม 

ผู้บังคับการกองปราบปราม พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด บอกถึงความคืบหน้า การสอบปากคำนางสาวสุพิชย์ฌา จารวิจิต พี่สาวของนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม นักแสดงหนุ่ม ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หลังผู้เสียหายชาวต่างชาติแจ้งความเอาผิดในคดีหลอกลวงให้ลงทุนสกุลเงินดิจิตอลหรือบิทคอยน์ มูลค่าเสียหายกว่า 790 ล้านบาท ที่วันนี้เดินทางเข้ามามอบตัวพร้อมกีบทนายความ ว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำในทุกประเด็นอยู่ โดยเฉพาะประเด็นการรับโอนเงินจากนายปริญญา จารวิจิตร พี่ชาย เพราะดูตากเส้นทางการเงินในบัญชี เบื้องต้นยอมรับว่าได้รับโอนเงินจากพี่ชายจริง เป็นเงินที่โอนเข้า แล้วนำออกลักษณะหมุนเวียนออกจากบัญชี ประมาณ 200 ล้านบาท โดยอ้างว่า ไม่ทราบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด แต่ทราบว่าพี่ชายทำธุรกิจในวงการค้าหุ้นนี้และเงินส่วนหนึ่งที่ได้รับโอนมาจากนายปริญญา นางสาวสัพิชย์ฌา ยอมรับว่า นำไปรับฝากที่ดิน และยืนยันว่าไม่มีการชักชวนบุคคลอื่นมาร่วมด้วย


ส่วนความคืบหน้าทางคดีในการออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน และเมื่อวานที่ผ่านมา ได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของบิดา มารดา ของนายปริญญา ที่จังหวัดชลบุรี เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมด้วย ซึ่งตำรวจพบเอกสารการรับโอนเงิน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะรายละเอียดอยู่ในสำนวน โดยจะต้องมีการพิจารณาต่อไปว่าบิดาและมารดา จะเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินด้วยหรือไม่ ส่วนการพิจารณาออกหมายจับเพิ่มเติมนั้น จะเป็นกลุ่มผู้รับโอนเงิน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเครือญาติทั้งหมด

สำหรับในวันนี้ หลังจากที่พนักงานสอบสวนสอบกองปราบปราม สอบปากคำเสร็จสิ้น ก็จะควบคุมตัวนางสาวสุพิชย์ฌา ไปขออำนาจศาลฝากขังผัดแรก โดยเบื้องต้น พนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษและมูลค่าความเสียหายสูง

ด้านทนายความของนางสาวสุพิชย์ฌา บอกว่า ในวันนี้ ได้นำตัวนางสาวสุพิชย์ฌา มาพบพนักงานสอบสวนตามกระบวนการ เบื้องต้นให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา หลังจากนี้ให้เป็นไปตามกระบวนการในชั้นศาลต่อไป