ว่อน! พี่สาว 'บูม บิตคอยน์700ล้าน' เข้ามอบตัวตร.

ผู้สื่อข่าวรายงาน มีกระแสข่าว น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต พี่สาวของ "บูม" จิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต ดารานักแสดงหนุ่ม ได้เข้ามอบตัวกับตำรวจ หลังถูกออกหมายจับคดีหลอกลวงขายบิทคอยน์และลงทุนซื้อหุ้นจำนวน 797 ล้ายบาท

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้เฝ้าการมอบตัว มีความคืบหน้าจะรายงานต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม วานนี้ (14ส.ค.) พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม ( ผบก.ป.) กล่าวถึงความคืบหน้าคดีหลอกลวง นายเออาร์นี โมตาวา ซาริมา ชาวฟินแลนด์ ขายบิทคอยน์และลงทุนซื้อหุ้นจำนวน 797 ล้ายบาทว่า ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี รอง ผบก.ป.นำกำลังพร้อมหมายค้นจากศาลอาญาเข้าตรวจค้นบ้านพักบิดามารดาของ นายปริญญา จารวิจิต และ นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต ดารานักแสดงหนุ่ม ในพื้นที่ จ.ชลบุรี เพื่อหาเอกสารพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับทางคดีเพิ่มเติม ทั้งนี้จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่า นายปริญญา ได้ผ่องถ่ายเงินที่หลอกลวงจากผู้เสียหายมาจำนวน 90 ล้านบาทไปให้มารดา จากนั้นก็ได้โอนเงินจากบัญชีมารดาไปเข้าบัญชีของบิดาจำนวน 40 ล้าน ซึ่งทางกองปราบปรามได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ ปปง. ทำการอายัดไว้ตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมทางการเงินดังกล่าวแล้ว

พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นเชื่อว่าพ่อแม่ของ นายปริญญา ไม่น่าจะมีเจตนาร่วมกระทำความผิดด้วย ซึ่งจะมีการสืบสวนสอบสวนอย่างละเอียดถึงที่มาของเงินจำนวนดังกล่าวอีกครั้ง อย่างไรก็ตามล่าสุดได้รับการประสานจากทนายความของ น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต พี่สาวของ นายจิรัชพิสิษฐ์ ว่าจะเข้ามอบตัวในคดีฟอกเงินกับพนักงานสอบสวน กองปราบปราม ในวันนี้ ( 15 ส.ค.) เวลา 10.00 น.ซึ่งหาก น.ส.สุพิชฌาย์ เข้ามอบตัวตามที่แจ้งมาจริง ตามขั้นตอนแล้วทางพนักงานสอบสวนก็จะทำการสอบปากคำเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น เมื่อเสร็จสิ้นก็จะนำตัวฝากขังศาลอาญา และให้ผู้ต้องหาไปดำเนินการขอประกันตัวในชั้นศาล

พล.ต.ต.ไมตรี ยังได้กล่าวถึง ความคืบหน้าในการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติหมายจับผู้ที่เข้าข่ายร่วมกระทำความผิดกับนายปริญญาในข้อหาฉ้อโกงอีก 5-6 รายโดยมีเจ้าพ่อตลาดหุ้นรวมอยู่ด้วยว่า ผู้ที่เข้าข่ายที่จะถูกออกหมายจับนั้น ขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อจะขออนุมัติศาลออกหมายจับในคดีฉ้อโกง ซึ่งเป็นคดีฉ้อโกงธรรมดาสามารถเจรจายอมความกันกับผู้เสียหายได้ ล่าสุดทราบมาว่ามีการนัดเจรจากันระหว่างคู่ความแล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องของทั้งคู่ที่จะตกลงกันเองว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ส่วนตำรวจก็จะรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป