'ประวิตร' งดจ้อประชุมลับ คสช. มึนไม่รู้จัก 'สามมิตร' เดินสาย

เมื่อเวลา 13.00น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ว่า มีการหารือเรื่องลับ ไม่สามารถบอกได้ เพราะเป็นเรื่องตัวบุคคล และไม่ได้หารือเพื่อประเมินสถานการณ์ความเรียบร้อยก่อนการเลือกตั้ง การประชุมครั้งนี้ไม่ใช่การประชุมด่วน เพราะคสช.สามารถประชุมได้ 24 ชั่วโมง

เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มสามมิตรระบุการเคลื่อนไหวในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้รับการอนุญาตจากแม่ทัพภาคที่2  แล้วนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กลุ่มสามมิตรเป็นใคร เขาเป็นพรรคการเมืองหรือไม่ เขาไปในเรื่องส่วนตัวเขา ส่วนจะขออนุญาตแม่ทัพภาคที่2หรือไม่ ตนไม่รู้ เพราะไม่ได้คุยกัน แต่เขาไม่ได้เป็นพรรคการเมือง หากไปเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่นี่เขาไม่มีพรรค 

เมื่อถามว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวถูกมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น พล.อ.ประวิตร ตอบว่า ตนก็ไม่ทราบว่าเขาเคลื่อนไหวแบบใด คสช.ไม่ได้วางกรอบอะไร แต่ยึดตามกฎหมาย เมื่อถามอีกว่า ต่อไปหากมีกลุ่มการเมืองกลุ่มใหม่ ก็สามารถเดินสายได้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร ย้อนถามว่า “สื่อก็เอาสิ ไปทำสิ ไปตั้งเป็นกลุ่ม 8 มิตรหรืออะไร”

ในส่วนการเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในช่วงนี้นั้น ทางฝ่ายความมั่นคงได้จับตาเป็นพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่จับ เราจับมากี่ปีแล้ว เมื่อถามถึงกรณีที่เคยให้สัมภาษณ์เตือนนายทักษิณให้คิดถึงประเทศ มีผลเป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็จะไปทำอย่างไรได้ สื่อช่วยเตือนหน่อยสิ” ต่อข้อคำถามที่ว่าในฐานะเป็นรุ่นพี่นักเรียนเตรียมทหาร จะเตือนอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ตอนนี้ท่านไม่ฟังแล้วรุ่นพี่รุ่นน้อง” เมื่อถามอีกว่า ยังคาดหวังว่าสายเลือดเตรียมทหารจะเห็นแก่ประเทศชาติอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า สื่อช่วยบอกเขาหน่อยสิ และมองว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ช่วงนี้ที่ใกล้เข้าสู่การเลือกตั้ง ตนไม่อยากพูด รู้ๆกันอยู่

เมื่อถามถึงกรณีนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ ออกมาแสดงความเห็นกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย จะได้เข้าเรียนหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร(วปอ.) ทั้งที่เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ก่อนหน้านี้สมาชิกพรรคการเมืองก็มีการเข้าเรียนกัน และนายอนุทินเขาเข้ามาในนามบริษัท ไม่ได้มาในนามพรรคการเมือง ที่จริงแล้วมันก็มีสัดส่วนของพรรคการเมืองอยู่ ซึ่งตรงนี้ก็คงไม่เป็นไร ถ้าอายุเขาได้ ผ่านหลักเกณฑ์ต่างๆก็ได้