บาทเปิดตลาดเช้านี้อ่อนค่าที่ 33.38 บาทต่อดอลลาร์

บาทเปิดตลาดเช้านี้อ่อนค่าที่ 33.38 บาทต่อดอลลาร์

จับตาความเสี่ยงโลกปรับตัวสูง จากวิกฤติค่าเงินตุรกีและเศรษฐกิจจีน นักลงทุนยังกังวลและเงินยังไหลออก

นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงินบาทเปิดเช้าวันนี้ที่ระดับ 33.38บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงจาก ปิดตลาดสิ้นสัปดาห์ก่อนที่ 33.26บาทต่อดอลลาร์ เศรษฐกิจสัปดาห์นี้ ต้องจับตาไปที่ภาพรวมความเสี่ยงโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นจากวิกฤตค่าเงินในตุรกีและตัวเลขเศรษฐกิจในฝั่งจีน

ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินมีความกังวลมากกับความเคลื่อนไหวของค่าเงินลีราตุรกี ที่ล่าสุดยังคงปรับตัวอ่อนค่าต่อ แม้ธนาคารกลางตุรกีจะกลับมาส่งสัญญาณว่าอาจมีการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเพื่อป้องกันการอ่อนค่าของค่าเงิน และลดกฏเกณฑ์ทางการเงิน เพื่อช่วยเหลือด้านสภาพคล่องกับธนาคารพาณิชย์ในตุรกี แต่ล่าสุดยังไม่สามารถลดความกังวลของนักลงทุนได้ ขณะที่ตลาดประเมินว่าความเสี่ยงจะกระจายเป็นวงกว้างและกระทบกับตลาดเกิดใหม่อื่นๆ ส่งผลให้ทั้งหุ้นและค่าเงินของตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ปรับตัวลง

สำหรับมุมมองของตลาดการเงินในสัปดาห์นี้ เชื่อว่านักลงทุนจะระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม เนื่องจากยังไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจหรือปัจจัยที่ทำให้เชื่อได้ว่า ปัญหาการเมืองและการกีดกันทางการค้าจะไม่ลุกลามไปจนมีผลลบกับตลาดการเงิน เราเชื่อว่ามีโอกาสสูงที่ปัญหาของตุรกีจะสร้างความไม่มั่นใจให้กับค่าเงินในประเทศตลาดเกิดใหม่อื่นๆ แม้เอเชียจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรง แต่เมื่อตลาดปิดรับความเสี่ยงทั่วโลก (Global Risk-Off) ก็มีโอกาสที่จะเจอแรงขาย

สำหรับค่าเงินบาทอ่อนค่าลงทันทีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เรามองว่าภาพรวมความเสี่ยงคือปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเงินบาท เงินเฟ้อที่ปรับตัวสูงขึ้น และเงินบาทที่อ่อน ส่งผลให้นักลงทุนกลับมามองว่า การปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นในไทยอาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน จึงมีโอกาสที่ตลาดจะขายตราสารหนี้ไทยด้วย และต้องระวังว่าถ้าความกังวลยังไม่หมดไปก็จะเกิดปัญหาค่าเงินอ่อน เงินเฟ้อสูง และเงินทุนไหลออกวนเป็นวัฏจักรกรอบเงินบาทวันนี้ 33.30-33.40บาทต่อดอลลาร์และกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 33.10-33.60 บาทต่อดอลลาร์


ในส่วนสัปดาห์นี้ยังคงติดตาม ตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าสนใจ วันอังคารจะมีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนนำโดยการค้าปลีกที่คาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องในระดับ 9.4% (ช่วงเจ็ดเดือน) ขณะที่การผลิตสินค้าอุตสาหกรรมจะขยายตัว 6.0% และการลงทุนสินทรัพย์ถาวรขยายตัว 6.6% ชี้ว่าเศรษฐกิจจีนยังไม่ได้รับผลกระทบจากการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ

วันพฤหัส การเจรจาระหว่างสหภาพยุโรปและสหราชอาณาจักรเรื่อง Brexit ทั้งสองฝ่ายยังมีมุมมองที่ต่างกัน เมื่ออังกฤษต้องการเลื่อนระยะเวลาการทำข้อตกลงออกไป ขณะที่ฝั่งยุโรปอยากให้การเจรจาจบลงภายในช่วงไตรมาสนี้