ผู้การฯกองปราบจี้ชุดสืบ เร่งจับพี่สาว 'บูม' ลุยบิทคอยน์700ล้าน

 ผู้การฯกองปราบจี้ชุดสืบ เร่งจับพี่สาว 'บูม' ลุยบิทคอยน์700ล้าน

ไม่รอมอบตัว! "ผู้การฯกองปราบ" จี้ชุดสืบเร่งจับพี่สาว "บูม" คดีบิทคอยน์700ล้าน ชี้หลักฐานมัดโอนเงินต่อเนื่องให้กลุ่มผู้ต้องหาและเครือข่าย

เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม รายงานความคืบหน้าคดีโกงหุ้นบิทคอยน์ว่า พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. เร่งจัดกำลังออกสืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต พี่สาวของนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือ บูม ดารานักแสดง โดยพบว่าผู้ต้องหายังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย ไม่ต้องรอให้มอบตัว 

ส่วนนายปริญญา จารวิจิต พี่ชายนายบูมที่คาดว่าเป็นหัวโจกใหญ่ได้หลบหนีออกต่างประเทศไปแล้ว ซึ่งในส่วนนี้ก็กำลังหาช่องทางในการติดตามตัวอยู่ อย่างไรก็ตามสำหรับความคืบหน้าในการออกหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกงเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาอีก 5-6 รายนั้น ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวนว่า กำลังรวบรวมพยานหลักฐานที่เป็นเอกสาร ทั้งนี้คดีดังกล่าวเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัว โดยทางผู้ที่เข้าข่ายจะถูกออกหมายจับก็สามารถที่จะเจรจายอมความกับผู้เสียหายได้ แต่ต้องไปตกลงกันเอง แต่ในส่วนของตำรวจก็จะรวบรวมหลักฐานและดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป 

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ในคดีนี้ พนักงานสอบสวนมีหลักฐานค่อนข้างแน่นหนาที่สามารถมัดตัวกลุ่มผู้ต้องหาและกลุ่มที่จะออกหมายจับเพิ่มเติม รวมทั้ง นาย ป. คนดังตลาดหุ้นที่เคยมาพบตำรวจ และอ้างว่าไม่เกี่ยวข้องกับการโกง เนื่องจากก่อนหน้านี้มีการรายงานความผิดมูลฐานตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 ไปยังเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เนื่องจากมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินโดยสำนักงาน ปปง.ได้ตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรมทางการเงินกลุ่มของ นายปริญญา จารวิจิต กับพวก ตั้งแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2560 ซึ่งเป็นวันที่ นายอาร์นี ออตตาวา ซาอ์ริมาอ์ (Mr.aarni Otava Saarimaa) เริ่มโอนเหรียญบิทคอยน์ พบข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินของบุคคลจากฐานข้อมูล ERS ตามมาตรา 16 ซึ่งเป็นข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ที่สถาบันการเงินรายงาน ปปง. เฉพาะของบริษัท บิตคอยน์ที่โอนให้กับกลุ่มของนายปริญญา

จากข้อมูลดังกล่าวพบว่า 1.บริษัท บิทคอยน์ ได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยชื่อบัญชี นายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต ระหว่างวันที่ 9 กันยายน 2560 ถึงวันที่ 18 กันยายน 2560 จำนวน 5 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 21,495,046 บาท 2.บริษัท บิทคอยน์ โอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยชื่อบัญชี นายชาคริส อาห์มัด ระหว่างวันที่ 21 กรกฎาคม 2560 ถึงวันที่ 29 มกราคม 2561 จำนวน 20 ครั้ง รวมเป็นเงิน 92,245,644 บาท

3.บริษัท บิทคอยน์ โอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ไปเข้าบัญชี ธนาคารกสิกรไทยชื่อบัญชี นายธนสิทธิ์ จารวิจิต ระหว่างวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2560 จำนวน 30 ครั้ง รวมเป็นเงิน 176,489,420 บาท  4.บริษัท บิทคอยน์ โอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยชื่อบัญชี นาย ป. ระหว่างวันที่ 29 ธันวาคม 2560 ถึงวันที่ 14 มกราคม 2561 จำนวน 8 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 64,045,488 บาท 5.บริษัท บิทคอยน์ โอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญชี นายปริญญา จารวิจิต ระหว่างวันที่ 15 กันยายน 2560 ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2560 จำนวน 15 ครั้ง รวมเป็นเงิน 111,938,265 บาท และ 6.บริษัท บิทคอยน์ โอนเงินจากบัญชีธนาคารกสิกรไทย ไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทยชื่อบัญชี น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต ระหว่างวันที่ 6 กันยายน 2560 ถึงวันที่ 10 ธันวาคม 2560 จำนวน 20 ครั้ง รวมเป็นเงินจำนวน 139,240,836 บาท

ทั้งนี้ จากหลักฐานที่พนักงานสอบสวนกองปราบปรามรวบรวมอยู่ จึงเชื่อได้ว่ากลุ่มผู้ต้องหาทั้งที่ถูกออกหมายจับและกำลังจะออกหมายจับเพิ่มเติมนั้น มีการรับเงินบิทคอยน์จากผู้เสียหายจริง ซึ่งคาดว่าจะออกหมายจับเพิ่มเติมได้ในเร็ววันนี้