รวบแล้วโจรบุกเดี่ยวปล้น ธอส.ภูเก็ต

รวบแล้วโจรบุกเดี่ยวปล้น ธอส.ภูเก็ต

รวบแล้ว! โจรบุกเดี่ยวปล้นธอส.ภูเก็ต ที่แท้เป็นลูกหนี้ธนาคาร หวังเอาเงินจ่ายค่าบ้าน

ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ถลาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาย่อยถลาง (อนุสาวรีย์)เลขที่59/11และ12ต.ศรีสุนทร อ.ถลาง ว่า มีคนร้ายเป็นชายไทย1คน สวมหมวกกันนีอคเต็มใบสีดำคาดแถบสีส้มอำพรางใบหน้า สวมกางเกงยาว สวมเสื้อเจ๊ตเก็ตแขนยาวสีแดง-ดำ ใช้อาวุธปืนสั้นก่อเหตุชิงทรัพย์ธนาคารฯ

จากนั้นได้ใช้รถจักรยานยนต์ฮอนด้า สกูปปี้สีดำ ไม่ติดป้ายหมวกดำ ซึ่งจอดไว้ริมถนนเทพกระษัตรีขาเข้าเมืองภูเก็ต ขับหลบหนีไปทางอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร เหตุเกิดเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 10 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 6 นาที และได้เงินสดไปจำนวน26,900บาท หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ฯ ได้ทำการติดตามหาตัวคนร้ายตามเส้นทางที่คาดว่าจะใช้หลบหนี จนกระทั่งสามารถทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุเป็นใคร และควบคุมตัวได้ในที่สุด

ต่อมาเวลา 14.30 น. วันนี้ (11 ส.ค.61) ที่ห้องประชุมชั้น 2 ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต อ.เมือง จ.ภูเก็ตพ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พร้อมด้วย พ.ต.อ.เสริมพันธุ์ ศิริคง รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต, พ.ต.อ.ธีรวัฒน์ เลี่ยมสุวรรณ ผกก.สภ.ภลาง, พ.ต.ท.อนุกูล หนูเกตุ รองผกก.(สอบสวน)ฯ, พ.ต.ท.ณฐาภพ พงศาปาน รอง ผกก.สส.ฯ, เจ้าหน้าที่ชุดจับกุม และนางสาวชญานิตย์ ทองขาว พนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาย่อยถลาง
ร่วมกันแถลงผลการจับกุมนายสมบัติ พูลประสาท อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาเดิมเป็นคนปทุมธานี ผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์ในธนาคารดังกล่าว โดยกล่าวหาว่า กระทำผิดฐาน “ชิงทรัพย์โดยมีหรือใช้อาวุธปืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นจากการจับกุม พาอาวุธปืนไปในเมือง หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต”

พร้อมของกลาง ประกอบด้วย เงินสดจำนวน 320 บาท (ทรัพย์สินที่ได้จากการก่อเหตุและเหลือจากการใช้จ่าย) , รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าสกูปปี้ไอสีดำ หมายเลขทะเบียน 1 กข -8963 ภูเก็ต จำนวน1 คัน , อาวุธปืนอัดลมจำนวน 1 กระบอก,หมวกกันน็อกที่ใช้สวมใส่จำนวน 2 ใบ, เสื้อและกางเกงที่ใช้สวมใส่ขณะก่อเหตุจำนวน 1 ชุด และรองเท้าที่ใช้สวมใส่ขณะก่อเหตุจำนวน 1คู่โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย ลิ้มเจริญ รอง ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต กล่าวว่า สืบเนื่องจากกรณีเกิดเหตุคนร้ายเข้าไปชิงทรัพย์ในธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาย่อยถลาง ดังกล่าว ภายใต้การอำนวยการของพล .ต.ต.ธีรพล ทิพย์เจริญ ผบก.ภ.จว.ภูเก็ต ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฯ เร่งติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุให้ได้โดยเร็ว จนกระทั่งทางชุดสืบสวนของตำรวจภูธรภาค 8, ตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต, ตำรวจภูธรถลาง และเจ้าหน้าที่ทหาร ชป.รส.25 ได้ร่วมกันติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุโดยการตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่คาดว่า คนร้ายจะหลบหนี จนกระทั่งทราบที่พักของคนร้าย จึงได้เข้าตรวจสอบและพบของกลางที่ใช้ในการก่อเหตุทั้งหมด แต่ไม่เจอตัวคนร้าย พบเพียงภรรยา จึงได้ให้โทรศัพท์ติดต่อเพื่อให้เข้ามอบตัวในที่สุด

"จากการสอบสวนเบื้องต้นคนร้ายให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง เนื่องจากตกงานมาเป็นเวลา 2 ปี และประสบปัญหาเดือดร้อนเรื่องค่าใช้จ่ายไม่ได้ผ่อนชำระค่าบ้านมาเป็นเวลา 6 เดือนโดยผ่อนชำระกับธนาคารอาคารสงเคราะห์สาขาดังกล่าว”

และยังให้การยอมรับด้วยว่า เป็นผู้ก่อเหตุชิงทรัพย์สร้อยคอทองคำเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าหมู่บ้านพนาสนธิ์ลิพอนต.ศรีสุนทร อ.ถลาง ได้สร้อยคอทองคำไปครึ่งเส้น และไม่กล้านำไปขายเนื่องจากกลัวเจ้าหน้าที่จับกุมได้ โดยเหตุดังกล่าวผู้เสียหายได้มีการแจ้งความไว้แล้วด้วยก่อนจะมาก่อเหตุดังกล่าว"

พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า ในส่วนปัญหาอื่นๆ นั้นคงจะต้องมีการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติมอีกครั้ง และขอขอบคุณจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่สามารถสืบสวนติดตามจนจับกุมคนร้ายได้ในเวลาอันรวดเร็วส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยของธนาคารนั้น หลังจากนี้ก็อาจจะต้องมีการเรียกประชุมเพื่อวางแนวทางเพิ่มเติมจากที่มีการดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน
นางสาวชญานิตย์ ทองขาว พนักงานธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขาย่อยถลาง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย กล่าวว่า ในช่วงเกิดเหตุตนกับพนักงานอีกคนให้บริการอยู่ที่เคาน์เตอร์ตามปกติ ระหว่างนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินผ่านประตูเข้ามา และได้ยินเหมือนมีสิ่งของกระแทกกับประตู ซึ่งตอนนั้นเข้าใจว่าเป็นพนักงานไปรษณีย์ และทางพนักงานรปภ.ของธนาคารคือ นายพงษ์สวัสดิ์ สอนสุขเห็นว่าไม่ถอดหมวกกันน็อคจึงเข้าไปบอกให้ถอดแต่คนร้ายไม่ยอมกลับล็อคคอ รปภ.และใช้อาวุธปืนข่มขู่

เห็นดังนั้นตนก็ตัดสินใจก้มลงและกดสัญญาณเตือนภัย ระหว่างนั้นคนร้ายหันกระบอกปืนมายังพนักงานงานอีกคนบังคับให้เอาเงินในลิ้นชักใส่กระเป๋าที่เขาเตรียมมา ก่อนจะปล่อยตัว รปภ.และหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเงินที่ได้ไปนั้นเป็นเงินสดที่ลูกค้านำมาฝากในช่วงเช้าที่ผ่านมาซึ่งที่ผ่านมาทางธนาคารฯ ก็มีพนักงานคอยดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว และห้ามไม่ให้สวมหมวกกันน็อคเข้ามา แต่ครั้งนี้เหตุการณ์เกิดเร็วมาก และคนร้ายมีปืนด้วย