TEAMG อวดกำไรครึ่งปีแรกพุ่ง 39.54%

TEAMG อวดกำไรครึ่งปีแรกพุ่ง 39.54%

กำไรครึ่งปีแรกสดใสแตะ 59.17 ล้านบาท โชว์จ่ายปันผลระหว่างกาล0.075 บาท เล็งจ่ายปันผล 7 ก.ย. นี้ ส่งซิกครึ่งปีหลังแกร่ง ย้ำเป้ารายได้ปี 61 โตไม่ต่ำกว่า 10% พร้อมลุยขยายธุรกิจไปต่างประเทศ

นายชวลิต จันทรรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEAMG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 59.17ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.54% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 847.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.41% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

อีกทั้งบริษัทยังมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากกำไรสะสมและกำไรสุทธิจากงบการเงินเฉพาะกิจการ สำหรับผลการดำเนินงานงวดหกเดือนตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงสิ้นสุดวันที่ 30มิถุนายน 2561 ให้แก่ผู้ถือหุ้นทั้งหมดของบริษัทจำนวน 680 ล้านหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.075 บาท (ก่อนหักภาษี ณ ที่จ่าย) หรือคิดเป็นเงินปันผลจำนวนรวมทั้งสิ้น 51 ล้านบาท โดยคิดเป็น อัตราส่วนเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) อยู่ที่ระดับ 6.80 ต่อปี (ราคาปิดวันที่ 9 สิงหาคม 2561 อยู่ที่ 2.20 บาท)

โดยมีมติกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 24 สิงหาคม 2561 ซึ่งจะขึ้นเครื่องหมาย XD หรือวันที่ไม่มีสิทธิรับเงินปันผลในวันที่ 23 สิงหาคม 2561 และมีมติกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 7 กันยายน 2561

“ก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยในขณะนี้ได้มีการนำเงินระดมทุนส่วนหนึ่งไปชำระหนี้ระยะสั้นกับสถาบันการเงินแล้ว และยังวางแผนจะนำไปลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์แบบสามมิติ BIM,GIS และโดรนภายในไตรมาสนี้ และจะต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า ซึ่งจะใช้เงินรวมทั้งสิ้นประมาณ 65 ล้านบาท เพื่อช่วยสนับสนุนการดำเนินงานของบริษัทให้รวดเร็ว แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น” นายชวลิต กล่าว

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 ยังถือว่ายังเติบโตดี เนื่องจากงานภาครัฐบาลในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ โดยเฉพาะงานในประเภทกลุ่มคมนาคมระบบราง และ งานโครงการที่เกี่ยวข้องกับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) รวมทั้งงานอาคารขนาดใหญ่ของภาครัฐ ขณะเดียวกันบริษัทยังศึกษาโอกาสขยายฐานลูกค้าออกไปในอาเซียนโดยร่วมมือกับพันธมิตรทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

อีกทั้ง ณ สิ้นไตรมาส 1/61 บริษัทมีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 3,473.94 ล้านบาท และในช่วงไตรมาสที่ 2/61 ที่ผ่านมา บริษัทยังได้รับงานโครงการใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท โดยคาดว่าในช่วงไตรมาสที่ 3 และไตรมาสที่ 4 จะทำให้ backlog มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น ทำให้คาดว่าในปี 2561 จะมีรายได้จากการให้บริการเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% จากปี 2560 ที่มีรายได้อยู่ที่ 1,590 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทยังวางแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศเพื่อเพิ่มศักยภาพและความแข็งแกร่งของบริษัท โดยจะเดินหน้าขยายธุรกิจให้ครอบคลุม 10 ประเทศในอาเซียน ได้แก่ อินโดนีเซีย บรูไน และสิงคโปร์ จากปัจจุบันที่ให้บริการใน 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม ลาว เมียนมา และกัมพูชา