ทีเส็บชูสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก นำร่องโครงการไมซ์เพื่อชุมชน

ทีเส็บชูสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก นำร่องโครงการไมซ์เพื่อชุมชน

สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ เดินหน้าผลักดันโครงการ “ไมซ์เพื่อชุมชน” ชูสหกรณ์โคนมมวกเหล็กเป็น 1 ใน 35 พื้นที่นำร่อง พัฒนาเป็นจุดหมายใหม่รองรับการประชุมฝึกอบรม จัดกิจกรรมเรียนรู้ ศึกษาดูงานในประเทศ

​นายสราญโรจน์ สุทัศน์ชูโต ผู้อำนวยการฝ่ายส่งเสริมตลาดในประเทศ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) เปิดเผยว่า ทีเส็บมีพันธกิจหลักในการส่งเสริมและพัฒนาอุตสาหกรรมไมซ์ของประเทศให้เป็นกลไกหลักในการสร้างรายได้เข้าประเทศ ซึ่งสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้อุตสาหกรรมไมซ์เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศ และก่อให้เกิดการกระจายรายได้สู่ภาคส่วนต่างๆของสังคมในทุกภูมิภาค


​“ทีเส็บเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีสหกรณ์อยู่จำนวนมากกว่า 8,000 แห่งทั่วประเทศ ชุมชนสหกรณ์หลายแห่งมีศักยภาพที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งจัดฝึกอบรมศึกษาเรียนรู้ดูงานสำหรับองค์กรและหน่วยงานต่าง ๆ ทีเส็บจึงได้ร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์จัดโครงการ “ไมซ์เพื่อชุมชน” ขึ้น โดยจะทำการคัดเลือกชุมชนสหกรณ์ที่มีศักยภาพในการส่งเสริมและพัฒนาให้เป็นจุดหมายใหม่สำหรับอุตสาหกรรมไมซ์ หรือ อุตสาหกรรมการจัดประชุม การเดินทางเพื่อเป็นรางวัล และงานแสดงสินค้า ทั้งนี้จะมุ่งเน้นผลักดันให้ชุมชนสหกรณ์เป็นแหล่งฝึกอบรมศึกษาดูงาน และจัดกิจกรรมเรียนรู้นอกสถานที่รวมถึงกิจกรรมพิเศษต่างๆ โดยได้จัดกิจกรรมเปิดตัวโครงการเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้แทนองค์กรธุรกิจเอกชนจากเครือข่ายอนาคตไทยและสื่อมวลชนกว่า 60 รายเข้าร่วมงานที่จัดขึ้น ณ สหกรณ์การเกษตรบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรี” นายสราญโรจน์ กล่าว


​ในครั้งนี้ทีเส็บได้จัดกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจรมาเยี่ยมชมการดำเนินงานของสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด จังหวัดสระบุรี ซึ่งกำหนดให้เป็น 1 ใน 35 ชุมชนสหกรณ์นำร่องที่ทีเส็บมีแนวทางจะส่งเสริมให้เป็นสถานที่จัดงานไมซ์เพื่อชุมชน โดยสหกรณ์ที่ได้รับการคัดเลือกทั้ง 35 แห่ง จะได้รับการรวบรวมจัดทำเป็นคู่มือสถานที่จัดงานไมซ์เพื่อชุมชน กำหนดแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมนี้ เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมายองค์กรธุรกิจสมาชิกเครือข่ายอนาคตไทย บริษัทต่างๆที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สถาบันการเงิน สถานศึกษา และหน่วยงานภาครัฐ ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งสื่อออนไลน์และออฟไลน์



​พร้อมกันนั้นทีเส็บเตรียมจัดงานเปิดตัวคู่มือสถานที่จัดงานไมซ์ และกิจกรรม Table Top Sale จับคู่เจรจาธุรกิจพร้อมกับผลักดันให้เกิดเครือข่ายความร่วมมือระหว่างชุมชนกับองค์กรธุรกิจต่างๆ ในการทำงานร่วมกันทั้งในรูปแบบของการจัดกิจกรรม CSR การสนับสนุนด้านการตลาดให้กับผลิตภัณฑ์ของชุมชน หรือ การพัฒนาและแบ่งปันองค์ความรู้ในการบริหารจัดการและผลิตสินค้าร่วมกับชุมชน เพื่อให้เกิดการต่อยอดพัฒนาชุมชนทุกมิติทั้งเศรษฐกิจและสังคม


​ด้านนายจักรีชัย ณ น่าน ผู้จัดการสหกรณ์โคนมมวกเหล็ก จำกัด จ.สระบุรี กล่าวว่า มีความยินดีมากที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในพื้นที่นำร่องสำหรับสถานที่จัดงานไมซ์เพื่อชุมชน ซึ่งคาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการสนับสนุนต่อยอดธุรกิจให้กับสหกรณ์ฯ เพราะช่วยเปิดกว้างสร้างการรับรู้สู่องค์กรธุรกิจเอกชน อันจะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนประสบการณ์ระหว่างชุมชนสหกรณ์และภาคธุรกิจที่สนใจจะเข้ามาทำงานร่วมกันในอนาคต ทั้งในเรื่องของการตลาด การพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการ ตลอดจนการแบ่งปันองค์ความรู้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในด้านต่างๆ ซึ่งจะช่วยพัฒนาอาชีพ เพิ่มรายได้ และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนในระยะยาว


​“สหกรณ์โคนมมวกเหล็กก่อตั้งมานานกว่า 46 ปี นับเป็นความภูมิใจของเราอย่างมากที่ได้ดำเนินงานสืบสานอาชีพพระราชทานของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 ในการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมเพื่อสุขภาพอนามัยที่ดีของประชาชนชาวไทย ปัจจุบันสหกรณ์ฯ มีสมาชิกผู้เลี้ยงโคนม จำนวน 555 ฟาร์ม เลี้ยงดูโคนม รวมทั้งสิ้น 12,000 ตัว มีทุนเรือนหุ้น 85.5 ล้านบาท เงินทุนหมุนเวียนจากการทำธุรกิจในแต่ละปีสูงกว่า 1,400 ล้านบาท ซึ่งเป็นเม็ดเงินที่กระจายลงไปถึงชุมชนเกษตรกรรายย่อยซึ่งเป็นสมาชิกของสหกรณ์ฯโดยตรง หากว่าได้รับการสนับสนุนต่อยอดองค์กรธุรกิจเอกชนหรือหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ในการเข้ามาศึกษาดูงานหรือจัดกิจกรรมใดๆ คาดว่าจะส่งผลต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของชุมชนให้ดียิ่งขึ้น” นายจักรีชัย กล่าว


​นายจักรีชัย กล่าวอีกว่า ปัจจุบันสหกรณ์ฯ เป็นแหล่งศึกษาดูงานกระบวนการผลิตน้ำนมตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ผู้มาศึกษาดูงานสามารถชมกระบวนการเลี้ยงโคนม รีดนม สาธิตการป้อนนมลูกโค กระบวนการผลิตอาหารสัตว์ การผลิตพาสเจอร์ไรซ์ การผลิตยูเอชที และการทำผลิตภัณฑ์แปรรูปจากน้ำนม ตลอดจนกิจกรรมเวิร์คช้อปสอนวิธีการทำขนม อาทิ เค้กหน้านิ่ม โยเกิร์ต ไอกรีม เจลาโต้ พุดดิ้งนมสด ฯลฯ


ในปีนี้สหกรณ์ฯ มีแผนจะปรับปรุงสำนักงานใหม่ เป็นอาคาร 2 ชั้น พร้อมห้องประชุม สามารถรองรับผู้ร่วมประชุมได้ 200 คน รวมถึงการปรับปรุงร้านกาแฟบริเวณด้านหน้า เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เข้ามาใช้บริการ ด้วยงบประมาณรวมกว่า 12 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการปีนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จกลางปีหน้า