ดอลล์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก

ดอลล์อ่อนค่าเทียบสกุลเงินหลัก

เหตุวิตกสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ส.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากทั้งสองประเทศต่างก็ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าในอัตรา 25% เมื่อวานนี้

ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 110.97 เยน จากระดับ 111.42 เยน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9929 ฟรังก์ จากระดับ 0.9956 ฟรังก์ ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1618 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1594 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงสู่ระดับ 1.2892 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2935 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7438 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7423 ดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ ดอลลาร์ ได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากกระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลงเมื่อวานนี้ว่า จีนจะเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบและรถยนต์ โดยการดำเนินการดังกล่าวของจีนมีขึ้นเพื่อตอบโต้สหรัฐซึ่งเมื่อวานนี้ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.

ก่อนหน้านี้ คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนล็อตแรกในอัตรา 25% วงเงิน 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา และหลังจากนั้นไม่นาน จีนก็ได้ออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตราและวงเงินที่เท่ากัน

การที่สหรัฐออกมาตรการเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนทั้ง 2 ล็อตคิดเป็นวงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจีนก็ได้ตอบโต้ในอัตราและวงเงินที่เท่ากัน

ส่วนเงินปอนด์อ่อนค่าลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับกระบวนการเบร็กซิท หลังจากนายเลียม ฟ็อกซ์ รมว.การค้าระหว่างประเทศของอังกฤษ ระบุก่อนหน้านี้ว่า มีโอกาสสูงขึ้นที่อังกฤษจะไม่มีการทำข้อตกลงเบร็กซิท เนื่องจากคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) มีท่าทีที่ไม่ต้องการประนีประนอมกับอังกฤษ โดยนายฟ็อกซ์ กล่าวว่า โอกาสที่อังกฤษจะประสบความล้มเหลวในการทำข้อตกลงกับสหภาพยุโรป (อียู) อยู่ที่ "60-40"