IVL - ซื้อ

IVL - ซื้อ

กำไรหลักไตรมาส 2/61 แข็งแกร่ง ตามคาด; แนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง YoY

กำไรหลักเป็นไปตามคาด; กำไรสุทธิสูงกว่าคาด

IVL รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 2/61 ที่ 8,243 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 181% YoY และ 42% QoQ หากไม่รวมกำไรจากสินค้าคงคลังที่ 289 ล้านบาท, กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 355 ล้านบาทและกำไรจากการซื้อสินทรัพย์ PET ในประเทศอียิปต์ 895 ล้านบาท กำไรหลักจะอยู่ที่ 7,012 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 96% YoY และ 51% QoQ ในขณะที่กำไรสุทธิสูงกว่าที่เราคาด 6% (และสูงกว่าที่ตลาดคาด 8%) เนื่องจากกำไรพิเศษที่สูงกว่าคาด กำไรหลักเป็นไปตามที่เราประมาณการ

ประเด็นหลักผลประกอบการ

การดำเนินงานที่แข็งแกร่งและกำไรพิเศษหนุนการเติบโตของกำไรไตรมาส 2/61 โดยปัจจัยที่หนุนการเติบโตของกำไรหลัก ได้แก่ 1) ปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น, 2) ส่วนต่างราคาที่ขยายตัวขึ้น และ 3) การรับรู้รายได้จากสินทรัพย์ที่เข้าซื้อในช่วงที่ผ่านมา ปริมาณขายปรับตัวเพิ่มขึ้น 15% YoY และ 10% QoQ มาอยู่ที่ 2.5 ล้านตัน หนุนโดยอุปสงค์ในช่วงไฮซีซั่น สำหรับ PET และ PTA และการรับรู้รายได้เป็นเดือนแรกของสินทรัพย์ใหม่ในประเทศบราซิล (เข้าซื้อเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 24 พ.ค.) EBITDA หลักต่อตันในไตรมาส 2/61 อยู่ที่ 153 ดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 43% YoY และ 9% QoQ หนุนโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์หลักที่ปรับเพิ่มขึ้น (PET, PTA, และ EOEG)

แนวโน้ม

โดยปกติครึ่งปีหลังเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของผลิตภัณฑ์สายโพลีเอสเตอร์ ดังนั้น ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์สายดังกล่าวคาดจะลดลง QoQ ในไตรมาส 3/61 อย่างไรก็ตาม อุปทานที่ตึงตัวจะหนุนให้ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์อ่อนตัวลงไม่มากนัก แม้เป็นช่วงโลว์ซีซั่น สินทรัพย์ที่ IVL เพิ่งซื้อมา –โรงงาน PET ในบราซิลและอียิปต์และโรงงาน PTA ในโปรตุเกส – จะหนุนให้ปริมาณขายไตรมาส 3/61 เติบโต ทั้งนี้พื้นฐานอุปสงค์-อุปทานที่ดีขึ้นจะเป็นปัจจัยหนุนส่วนต่างราคา PTA และ PET ให้ขยายตัว YoY ต่อเนื่องในไตรมาส 3/61 ดังนั้นเรา
คาดแนวโน้มกำไรหลักของบริษัทจะเติบโต YoY ต่อเนื่องถึงไตรมาส 3/61 อย่างไรก็ตาม กำไรหลักคาดชะลอตัว QoQ ตามปัจจัยทางฤดูกาลในไตรมาส 3/61 กำไรจากการซื้อสินทรัพย์อาจเป็นอัพไซต์ต่อประมาณการกำไรสุทธิ

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิขึ้น 14% มาอยุ่ที่ 26,715 ล้านบาท สำหรับปี 2561 และ 22% มาอยู่ที่ 30,253 ล้านบาท สำหรับปี 2562 เพื่อสะท้อน 1) การบันทึกกำไร   พิเศษในไตรมาส 2/61, 2) การรับรู้รายได้สินทรัพย์ PET ในอียิปต์ และ 3) การปรับเพิ่มสมมติฐานส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ — เพิ่มขึ้น 25% มาอยู่ที่ 276 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน สำหรับ PET, เพิ่มขึ้น 26% มาอยู่ที่ 139 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันสำหรับ PTA และเพิ่มขึ้น 21% มาอยู่ที่ 696 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันสำหรับ EOEG ดังนั้น เราปรับเพิ่มราคาเป้าหมายด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ณ สิ้นปี 2561 จาก 71 บาท เป็น 79 บาท

คำแนะนำ

คาดการณ์กำไรแข็งแกร่งต่อเนื่องไปในไตรมาส 3/61 อัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปีของกำไรหลักอยู่ที่ 25% ในปี 2561-2563 รวมทั้งโอกาสในการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของ IVL จากการเข้าซื้อกิจการในอนาคต ทำให้เราคงคำแนะนำ ซื้อ  ปัจจุบันมูลค่าที่คงถูกโดยซื้อขายที่ PER ปี 2561 ที่ 12.1 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 17.0 เท่าอยู่ค่อนข้างมาก