“รมว.เกษตร” ยันเร่งระบายน้ำ ให้กระทบเมืองเพชรบุรี น้อยที่สุด
6 ส.ค. เมื่อเวลา 8.30 น. วันที่ 7 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำของเขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ว่า การบริหารจัดการน้ำของเขื่อนดังกล่าว เราใช้ 3 ช่องทางคือ ประตูปิดเปิดธรรมดา ช่องทางน้ำล้น (สปิลเวย์) และ ใช้เครื่องสูบน้ำออก โดยน้ำทั้งหมดจะลงมาสู่แม่น้ำเพชรบุรี ซึ่งมวลน้ำใหญ่กำลังเคลื่อนตัวลงมา โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) แยกมวลน้ำดังกล่าวให้ออกไปทางซ้ายและขวาของแม่น้ำเพชรบุรี โดยส่วนหนึ่งใช้เครื่องสูบน้ำ เป็นทางลัดสู่อ่าวไทย อีกส่วนกำลังดูพื้นที่ว่าง ที่ยังไม่มีการทำเกษตรให้น้ำลงพื้นที่นั้น ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับที่ทำในพื้นที่จังหวัดอยุธยา อย่างไรก็ตามการใช้เครื่องสูบน้ำ และการผันน้ำออกทางซ้ายขวา ทำให้น้ำที่จะลงไปสู่ตัวเมืองเพชรบุรี ลงไปช้าและมีปริมาณน้อยลง จึงมีเวลาให้ประชาชนในพื้นที่ เตรียมความพร้อม
นายกฤษฎากล่าวอีกว่าในส่วนราชการทั้งระดับพื้นที่และส่วนกลางนั้น จะพยายามเร่งระบายน้ำตามวิธีดังกล่าว ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนในเมืองเพชรบุรี ให้น้อยที่สุด ทั้งนี้ตนได้รับรายงานล่าสุดเมื่อเวลา 7.00 น. ว่าระดับน้ำยังอยู่ในระดับล่าง ไม่ขึ้นมาริมตลิ่ง ซึ่งแผนการบริหารจัดการน้ำ ก็ยังเป็นไปตามที่ตนกล่าวเอาไว้อยู่ แต่ปัจจัยที่เรายังไม่กล่าวถึงคือฝนที่จะตกลงมาใหม่หรือไม่ ซึ่งตลอด 24 ชม. ที่ผ่านมายังไม่มีฝนในปริมาณที่มาก เมื่อถามว่ามีแผนรองรับในกรณีที่มีฝนตกหนักหรือไม่ นายกฤษฎากล่าวว่า ต้องดูปริมาณน้ำก่อน ทางเราคาดการณ์ว่า ถ้ามีปริมาณน้ำไหลอยู่ที่ประมาณ 70-80 ลบ.ม. ต่อวินาที แต่ถ้าขึ้นมา 200-300 ลบ.ม. ต่อวินาที จะทำให้พื้นที่ลุ่มต่ำในเมือง จ.เพชรบุรี น้ำท่วม แต่จะไม่ท่วมกระจายเหมือนเมื่อก่อน เพราะเรามีพนังกั้น และเครื่องสูบน้ำคอยรองรับไว้จากกรมชลประทาน 35 เครื่อง ซึ่งขณะนี้ได้เริ่มสูบน้ำออกไปแล้ว
เมื่อถามว่า นายกฯยังมีกำหนดการเดินทางไปตรวจการระบายน้ำที่จ.เพชรบุรี นายกฤษฎา ยืนยันว่านายกฯยังมีกำหนดการเดิม เพื่อไปเยี่ยมประชาชน แม้ว่าน้ำจะยังไม่ท่วม ซึ่งจะไปดูการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งขณะนี้ทราบว่าผู้ว่า จ. เพชรบุรีและหัวหน้าส่วนราชการได้เตรียมการได้อย่างดีแล้ว
เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าเขื่อนวชิราลงกรณ จังหวัดกาญจนบุรี เสี่ยงเขื่อนแตกนั้น นายกฤษฎา เขื่อนดังกล่าวใช้หลักการระบายน้ำแบบเดียวกัน ส่วนพื้นที่อื่นตามลุ่มแม่น้ำโขง ที่ตอนนี้ก็ประสบปัญหาเช่นกันนั้น ขณะนี้ยังบริหารจัดการได้ แต่ด้วยน้ำในแม่น้ำโขงมีปริมาณที่มาก ทำให้ระบายได้ช้า ทั้งนี้เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ ยังคงรับน้ำได้อยู่ น้ำจะไม่ท่วมแบบปี 2554 แน่นอน