พาณิชย์จับมือ4ประเทศอาเซียนจัดงานใหญ่ กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวภาคใต้

พาณิชย์จับมือ4ประเทศอาเซียนจัดงานใหญ่ กระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวภาคใต้

กระทรวงพาณิชย์ผนึกกำลัง 5 ชาติ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน จัดงานมหกรรมการค้าชายแดนและมหกรรมแสดงสินค้า IMT-GT และ BIMP-EAGA ครั้งที่ 4

ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา SMEsดาวรุ่งใน 14 จังหวัดภาคใต้ เจรจาจับคู่ธุรกิจกับ 4 ประเทศ ยอดขายทะลุเป้า รวมทั้งไทยยังจับมือทำ MoU ร่วมมือด้านท่องเที่ยว หวังกระตุ้นเชื่อมโยงแหล่งท่องเที่ยวภาคใต้กับประเทศ IMT-GT และ BIMP-EAGA

ศ.ดร.สกนธ์  วรัญญูวัฒนา (ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์) เป็นประธานเปิดงานร่วมกับรัฐมนตรี หรือผู้แทนรัฐบาลของ 4 ประเทศ ภายใต้แผนงานพัฒนาเขตเศรษฐกิจ IMT-GT และ BIMP-EAGAได้แก่ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน ซึ่งในงานได้มีผู้ประกอบการจาก 14 จังหวัดภาคใต้ของไทย ร่วมกับสินค้าจากผู้ประกอบการอีก 4 ประเทศ ดังกล่าว จำนวนรวม 230 คูหา

ศ.ดร.สกนธ์ฯ กล่าวว่า “ได้มีโอกาสหารือกับผู้แทนระดับนโยบายของ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน เช่น รัฐมนตรีด้านการพัฒนาเกาะมินดาเนาของฟิลิปปินส์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย เป็นต้น สามารถกระชับความสัมพันธ์ทางการค้ามุ่งขยายการเชื่อมโยงระหว่าง 14 จังหวัดภาคใต้และชายแดนของไทย กับรัฐชายแดนของมาเลเซีย เช่น รัฐเประ รัฐปะลิส รัฐเคดะห์เป็นต้น และขยายตัวไปยังจังหวัดของเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย รวมทั้งจะสร้าง Platform ให้ผู้ประกอบการ SMEs มีโอกาสพัฒนาการค้าสู่ตลาดโลกลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนใต้ ยะลา นราธิวาส และปัตตานี นอกจากนี้ยังมีโอกาสหารือเพื่อแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน และการรับมือผลกระทบจากสงครามการค้าโลกจากฝั่งยุโรป จีน และอเมริกาอีกด้วย

ศ.ดร.สกนธ์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังพิธีเปิดเสร็จสิ้นลง ภาคเอกชนไทย คือ สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดสงขลา และบริษัท C&P World Tour จำกัด ได้ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจร่วมกันกับภาคเอกชนของประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ในอนุภาค IMT-GT & BIMP-EAGA รวมจำนวน 4 ฉบับ เพื่อร่วมมือทางการค้าและการท่องเที่ยว ดังนั้นจึงเป็นนิมิตหมายสำคัญตามเป้าหมายของ IMT-GT และBIMP-EAGA

นอกจากงานแสดงสินค้าแล้วยังมีการสัมมนาทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และนิทรรศการ ได้แก่ “Investment Opportunities in Thailand and Ease of Doing Business in IMT-GT and BIMP-EAGA Region” “Halal International Conference” “รอบรู้ชายแดนใต้” “สินค้าเกษตรนวัตกรรม” เป็นต้น ปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะนักลงทุนต่างชาติที่เข้าร่วมงานได้รับรู้ข้อมูลเขตเศรษฐกิจพิเศษของไทย และเศรษฐกิจอาเซียนด้านตะวันออก BIMP-EAGA ซึ่งแม้ไทยไม่ได้อยู่ในกรอบ BIMP-EAGA แต่ก็มีIMT-GT เป็นสะพานเชื่อมโยง ทำให้อนุภูมิภาครวม 5 ประเทศมีประชากรกว่า 150 ล้านคน จึงเป็นตลาดใหญ่ที่ต้องจับตามอง

ทั้งนี้ ในงานได้มีการเจรจาจับคู่ธุรกิจระหว่าผู้ผลิตไทยกับผู้ซื้อที่มาร่วมงานจาก  4 ประเทศ อีกวันละไม่ต่ำกว่า 20 คู่ มูลค่ากว่า 5 ล้านบาทต่อวัน และยอดการซื้อขายรวมในงาน   อีกกว่า 8 ล้านบาท “ในบรรดาประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทย มีมาเลเซียเป็นประเทศที่ไทยค้าชายแดน  มากสุดคือเกือบ 6 แสนล้านบาท/ปี หรือกว่าครึ่งหนึ่งที่ไทยทำการค้าชายแดนทั้งหมดกับ 4 ประเทศ คือ มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา ดังนั้น มาเลเซียจึงเป็นตลาดสำคัญต้องรักษาและใช้เป็นทางเชื่อมต่อไปยังกลุ่มประเทศอื่นในอนุภูมิภาค IMT-GT และ BIMP-EAGA ท่ามกลาง Trade War ระหว่างประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจโลก การค้าระหว่างประเทศหยุดชะงัก ไทยจึงต้องพึ่งการค้าชายแดนที่ยังสว่างสดใส ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ โดยกรมการค้าต่างประเทศจะจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าชายแดนให้ต่อเนื่อง”  ศ.ดร.สกนธ์ฯ กล่าวทิ้งท้าย