'ฉัตรชัย' เร่งรัดแผนให้ไทยปลอดโรคหัดใน ปี'63

'ฉัตรชัย' เร่งรัดแผนให้ไทยปลอดโรคหัดใน ปี'63

คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เห็นชอบแผนเร่งรัดการกำจัดโรคหัด ตามพันธสัญญานานาชาติ เพื่อหยุดการแพร่เชื้อในระดับประเทศภายในปี 2563

เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2561 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 3/2561 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปสาระสำคัญของผลการประชุม ดังนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแผนระยะสั้นเพื่อการเร่งรัดการกำจัดโรคหัด ตามพันธสัญญานานาชาติ โดยรณรงค์ให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดในเด็กและผู้ใหญ่ในกลุ่มเป้าหมาย เพื่อหยุดการแพร่เชื้อ และการระบาดของโรคหัดในระดับประเทศ ภายในปี 2563 สำหรับทางเลือกกลไกการพิจารณาการนำวัคซีนใหม่มาใช้ในแผนงานเพื่อสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ที่ประชุมให้นำเสนอรายละเอียดของทางเลือกให้ชัดเจน แล้วให้นำกลับมาพิจารณาใหม่ในอีก 1 เดือน

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าของการพัฒนางานด้านวัคซีนของประเทศอีกหลายโครงการ ได้แก่ โครงการนำร่อง (Pilot project) การบูรณาการการบริหารจัดการวัคซีน การจัดซื้อ และการสำรองวัคซีนรูปแบบใหม่ ซึ่งคณะทำงานดำเนินการโครงการนี้ ได้กำหนดแผนการจัดซื้อวัคซีนร่วมกันแบบปีต่อปี (Pooled procurement) ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปี 2562 การจัดซื้อแบบหลายปี (Multi-year tender) และการจัดซื้อจากผู้ผลิต หรือผู้นำเข้ามากกว่า 1 ราย (Multi-supplier) ตลอดจนการสำรองวัคซีนเพื่อรองรับการระบาดของโรคที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีน ที่จะดำเนินการในปี 2563 และ 2564 ตามลำดับ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยมีความมั่นคงด้านวัคซีน ประชาชนมีวัคซีนที่มีคุณภาพใช้อย่างเพียงพอ ทันเวลา ทั้งในภาวะปกติ และในภาวะฉุกเฉินที่มีการระบาดของโรค

ส่วนด้านการจัดตั้งหน่วยผลิตวัคซีน และชีววัตถุเพื่อการพึ่งตนเอง รวมไปถึงการสร้างความมั่นคงด้านวัคซีนของประเทศ ตามที่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติมีมติไปก่อนหน้านี้ องค์การเภสัชกรรมซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีภารกิจหลักดังกล่าว จะต้องจัดทำแผนเรื่องการแยกหน่วยผลิตวัคซีนและชีววัตถุให้ชัดเจน และในปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 เด็กไทยจะได้รับวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ จากแบคทีเรียฮิบฟรี โดยขณะนี้ได้บรรจุวัคซีนชนิดนี้ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติแล้ว นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดทำแผนจัดซื้อเป็นวัคซีนรวม 1 เข็ม ป้องกันได้ 5 โรค (DTP-HB-Hib) จำนวน 2.5 ล้านโด๊ส ซึ่งวัคซีนชนิดนี้ นอกจากป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อฮิบได้เกือบ 200 รายต่อปีแล้ว ยังสามารถป้องกันโรคคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก และไวรัสตับอักเสบบีได้ในขณะเดียวกัน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มดำเนินการกระบวนการจัดหาวัคซีนแล้ว

สำหรับวัคซีนป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสโรต้า เป็นวัคซีนที่มีประโยชน์ในการป้องกันโรคท้องร่วงในเด็กเล็กจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุโรคท้องร่วงในเด็กเล็กปีละหลายหมื่นคน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของโรคท้องร่วงในเด็กกลุ่มนี้ทั้งหมด คณะกรรมการฯ มีมติให้มีการบริหารจัดการงบประมาณที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพหรือขอสนับสนุนงบประมาณจากรัฐเพิ่มเติม เพื่อเร่งนำวัคซีนโรคท้องร่วงชนิดนี้มาให้บริการได้

นอกจากนี้ที่ประชุม รับทราบแผนการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เพื่อชดเชยให้กับสถานบริการภาครัฐ ที่ต้องให้บริการฉีดวัคซีนในคนที่มีอัตราการมารับบริการเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าในปี 2561 เนื่องจากมีการระบาดของโรคพิษสุนัขบ้าในสัตว์ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ทำให้งบประมาณที่ได้รับจากกองทุนต่าง ๆ ไม่เพียงพอ ส่งผลต่อภาระทางการเงินสำหรับโรงพยาบาลส่วนใหญ่ในปัจจุบัน