นายกฯป้อง 'มท.1' ไม่ได้หาประโยชน์จากม.44 ปมปัญหาขยะ

นายกฯป้อง 'มท.1' ไม่ได้หาประโยชน์จากม.44 ปมปัญหาขยะ

"พล.อ.ประยุทธ์" ป้อง "รมว.มหาดไทย" ไม่ได้หาประโยชน์จาก "ม.44" ปลดล็อกผังเมือง ให้สร้างโรงงานขยะได้ แจงแค่กำกับดูแล "ท้องถิ่น" จัดการ วอนอย่าวิจารณ์กันแบบเดิม

เมื่อวันที่ 26 ก.ค.61 เวลา 10.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ภายหลังนำปฏิบัติกิจกรรมจิตอาสา “เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ” ว่า เราได้ทำกิจกรรมทำความดีด้วยหัวใจ ทุกคนก็ได้สมัครเป็นสมาชิกจิตอาสา ได้รับพระราชทางเครื่องหมาย หมวก และอะไรต่างๆ โดยที่เราทำวันนี้ไม่ได้ห่วงว่าทำเพื่อการประชาสัมพันธ์ แต่ทำเพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าบ้านเมืองเป็นของพวกเราทุกคน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามมันมีผลกระทบทั้งสิ้น ถ้าเราไม่รักกัน ไม่ร่วมกันแก้ปัญหา เอาแต่ปัญหาของตัวเองมาเผชิญหน้ากันก็แก้ไม่ได้สักอัน เพราะฉะนั้นรัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหาด้วยกฎหมาย ไม่ได้มุ่งหวังว่าจะให้เอาอำนาจไปไว้ที่ใครอย่างที่เขียนกันว่าไปเอื้อประโยชน์ให้คนนี้คนโน้น ไม่ใช่ ต้องไปดูว่าปัญหาเดิมอยู่ที่ไหน แล้วทำไมถึงต้องแก้ไขกฎหมาย หรือแม้แต่ออกมาตรา 44มาต้องดูวัตถุประสงค์ว่าเพื่ออะไร ไม่เช่นนั้นใครจะกล้าทำ ถ้าจะทำเพื่อเอาประโยชน์ตรงนี้ไปให้ใครได้ประโยชน์คนเดียว ตนทำไม่เป็น ทำไม่ได้ ตนไม่เคยคิดแบบนี้

นายกฯ กล่าวว่า เวลาไปต่างจังหวัดจะทำอย่างไรให้ทั่วถึง ทำอย่างไรให้เกิดกิจกรรมที่เกิดผลประโยชน์โดยตรงกับพื้นที่ ผลประโยชน์โดยอ้อมก็ต้องไปเกิดกับคนอื่นด้วย หรือเรียกว่าการทำงานโดยการใช้งบประมาณให้เกิดผลประโยชน์โดยตรง และโดยอ้อมกับคนอื่น การใช้งบประมาณต้องเป็นแบบนี้ วันหน้าครม.ก็ต้องทำงานแบบนี้ โครงการที่เหลือที่จะเข้าครม.ก็ต้องตอบคำถามได้ มีการประเมินล่วงหน้าว่าใน 1-2 ปี จะเกิดอะไรขึ้น โดยโครงการในระยะยาวก็ต้องตอบคำถามให้ได้อีกว่า ระหว่างที่ยังไม่เสร็จทั้งโครงการจะมีอะไรเกิดขึ้นให้กับประชาชน เพราะฉะนั้นรัฐบาลนี้เป็นคนที่ย่อยโครงการออกมาอีก ในการจัดซื้อจัดจ้าง ถ้ามันใหญ่มากกเกินไป 4-5 ปีกว่าจะเสร็จ ถึงตอนนั้นปัญหาใหม่ก็เกิดขึ้น ปัญหาเก่าก็ยังไม่ได้แก้ หลักการเป็นอย่างนี้ เราก็พยายามทำเต็มที่

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องขยะถือมีความสำคัญที่สุด เดิมมีกฎหมายอยู่แล้ว เพียงแต่ทุกคนไม่ต้องการขยะในพื้นที่ตัวเอง เราไปบังคับไม่ได้ เขาก็อ้างว่าไม่มีกฎหมายที่จะทำให้สามารถจัดการขยะได้ จึงต้องมีมาตรา 44 เรื่องผังเมือง ซึ่งไม่ใช่ปลดล็อกเพื่อให้ใครหรือเจ้าใดเจ้าหนึ่งมาทำ ก็ต้องไปหาคนมาทำ ไม่เช่นนั้นก็ดำเนินการไม่ได้ เพราะพื้นที่นั้นห้ามมีของเสีย แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องตอบคำถามเรื่องการแก้ปัญหาสังคมและขยะได้ หน้าที่นี้เป็นของท้องถิ่น ซึ่งมีสถานะเป็นนิติบุคคล กระทรวงมหาดไทยก็สั่งไม่ได้ เพียงแต่กำกับดูแลให้ท้องถิ่นทำตามนั้น โดยที่ไม่มีการเคลื่อนย้ายขยะที่เรี่ยราดอยู่ในวันนี้ โดยขยะในบ้างพื้นที่ เช่นที่ระยองขยะบางส่วนต้องขนไปทิ้งที่สระบุรี นั่นคือเหตุผลที่ออกมาตรา 44เพื่อปลดล็อกเรื่องผังเมือง ให้สามารถทำโรงงานขยะได้ แต่การจะเอาขยะไปฝังกลบหรือเอาไปทำเป็นปุ๋ยหรือพลังงานก็มีกฎหมายของกระทรวงพลังงานอยู่ว่าท้องถิ่นสามารถทำเองได้หรือไม่ หรือจะร่วมกับใครได้หรือไม่ ขอให้ดูให้ลึกซึ้งหน่อยก็แล้วกัน ถ้าเราวิเคราะห์วิพากษ์วิจารณ์กันแบบเดิม มันก็กลับไปที่เก่า กลายเป็นว่าเอาประโยชน์ไปเอื้อใคร

“มหาดไทยเขาจะได้ประโยชน์ตรงไหน ในเมื่อเขาเพียงกำกับดูแล ไม่ได้เป็นคนอนุญาตสร้างโรงงานอะไรต่างๆ เป็นเรื่องของท้องถิ่น” นายกฯกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงหนึ่งระหว่างที่นายกรัฐมนตรี ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานและให้กำลังใจจิตอาสา ที่มาร่วมกิจกรรมทำความดี อย่างใกล้ชิด พร้อมเชิญชวนให้ทุกคนช่วยกันทำความดีเพื่อแผ่นดิน ดูแลรักษาความสะอาดบ้านเมือง โดยขอว่าให้ทุกคนร่วมมือกันทิ้งขยะให้ถูกที่ และใช้โอกาสชี้แจงการปลดล็อกพระราชบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับผังเมืองบางฉบับ ว่าเพื่อให้ท้องถิ่นสามารถบริหารจัดการขยะในพื้นที่ได้เอง โดยที่ไม่ต้องขนย้ายออกนอกพื้นที่ ให้เสียงบประมาณเพิ่มเติม จึงขอให้ประชาชนเข้าใจถึงความจำเป็น ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์กับใคร กลับจะช่วยลดการใช้งบประมาณที่จะต้องเข้ามาแก้ไขปัญหานี้