ญี่ปุ่น 'ร้อนจัด'! อุณหภูมิ 41 องศา ดับแล้ว 80 ราย นับตั้งแต่ต้นก.ค.

ญี่ปุ่น 'ร้อนจัด'! อุณหภูมิ 41 องศา ดับแล้ว 80 ราย นับตั้งแต่ต้นก.ค.

คลื่นความร้อนรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในญี่ปุ่น คร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 65 คนภายในหนึ่งสัปดาห์ อุตุฯ ยกให้เป็นภัยพิบัติธรรมชาติ ขณะที่ยุโรปเจอไฟป่าหลายประเทศ

สำนักงานดับเพลิงและจัดการภัยพิบัติญี่ปุ่น แถลงวานนี้ (24 ก.ค.) ว่า ในรอบหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมานับจนถึงวันอาทิตย์ (22 ก.ค.) ประชาชนเสียชีวิตจากลมแดดอย่างน้อย 65 คน เจ็บป่วยถูกส่งโรงพยาบาล 22,647 คน ถือเป็นสัปดาห์ในฤดูร้อนที่สาหัสที่สุดนับตั้งแต่สำนักงานเริ่มเก็บข้อมูลผู้เสียชีวิตจากลมแดด ตั้งแต่เดือน ก.ค.2551 หากนับตัวเลขตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. ปีนี้มีผู้เสียชีวิตรวม 80 คน เข้าโรงพยาบาลอีกกว่า 35,000 คน ในจำนวนนี้มีเด็กชายวัย 6 ขวบ 1 คน ที่เป็นลมหมดสติระหว่างทางกลับจากทัศนศึกษา

นายโยชิฮิเดะ ซุงะ โฆษกรัฐบาลแถลงว่า คลื่นความร้อนรุนแรงเป็นประวัติการณ์ยังปกคลุมประเทศอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนคุ้มครองชีวิตเด็กๆ รัฐบาลจัดเตรียมเงินทุนให้ทุกโรงเรียนติดตั้งเครื่องปรับอากาศภายในฤดูร้อนหน้า และเตรียมเพิ่มวันปิดภาคเรียนฤดูร้อนในปีนี้ผลพวงจากคลื่นความร้อน

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแถลงว่า อากาศร้อนระดับมีผู้เสียชีวิตเช่นนี้ถือเป็นภัยพิบัติธรรมชาติ และขอเตือนให้ประชาชนระวังอากาศร้อน อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 35 องศาเซลเซียสต่อไปจนถึงต้นเดือน ส.ค. พร้อมแนะนำให้ประชาชนใช้เครื่องปรับอากาศ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนให้มาก

มหานครโตเกียวอุณหภูมิเกินกว่า 40 องศาเซลเซียสเป็นครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ (23 ก.ค.) ในช่วงที่รัฐบาลกำลังจัดงานประเพณีสาดน้ำอุจิมิซุพอดี ส่วนหนึ่งของโครงการรณรงค์ส่งเสริมความรู้เรื่องอากาศร้อน แม้วันอังคารอุณหภูมิจะลดลง แต่ยังถือว่าสูงเกินระดับปกติ
ที่เกาหลีใต้ เมืองคยองซานทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ อุณหภูมิสูงสุดเป็นประวัติการณ์ 40 องศาเซลเซียส เมื่อวันจันทร์

สำนักงานอุตุนิยมวิทยาคาดว่า อากาศยังคงร้อนต่อเนื่องตลอดเดือน ก.ค. ซึ่งในอดีตเกาหลีใต้เคยเจอคลื่นความร้อนต่อเนื่อง 10 วันมาแล้ว เนื่องจากอากาศเคลื่อนตัวช้าอากาศร้อนจึงถูกกักอยู่เป็นเวลานาน

ส่วนที่ยุโรปก็เผชิญอากาศร้อนไม่แพ้กัน หลายประเทศถูกไฟป่าเล่นงาน เช่นที่กรีซ มีผู้เสียชีวิตจากไฟป่าอย่างน้อย 50 คน ที่มาตี เมืองชายหาดของกรีซ ห่างจากกรุงเอเธนส์ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 40 กิโลเมตร มีผู้เสียชีวิตจากไฟป่า 26 คน ส่วนใหญ่พบศพในบ้านและในรถ ทางการต้องระดมกำลังอพยพประชาชน ใช้เรือลาดตระเวนชายฝั่ง 9 ลำ เรือทหาร 2 ลำ เรือเอกชนอีกหลายสิบลำ ผสมกับเฮลิคอปเตอร์กองทัพบกอีกจำนวนหนึ่งช่วยขนย้ายผู้คนที่ติดอยู่บริเวณท่าเรือราฟินา

ด้านนายกรัฐมนตรีอเล็กซิส ซิปราส ซึ่งอยู่ระหว่างเยือนบอสเนียต้องรีบกลับประเทศ เนื่องจากกระแสลมแรงถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำให้สถานการณ์ไฟฟ้าเลวร้ายสุดๆ รัฐบาลกรีซใช้ข้อตกลงป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของสหภาพยุโรป (อียู) ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสมาชิก เนื่องจากสภาพอากาศแห้งแล้งเสี่ยงเกิดไฟป่ามากขึ้นไปอีก อีกทั้งสวีเดนและประเทศยุโรปเหนืออื่นๆ ก็เกิดภัยพิบัติแบบเดียวกันด้วย

เมื่อวันจันทร์ (23 ก.ค.) สำนักงานป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนสวีเดน (เอ็มเอสบี) เผยว่า เกิดไฟป่า 27 จุดทั่วประเทศ สัปดาห์นี้คาดว่าอุณหภูมิสูงถึง 35 องศาเซลเซียส

หลายประเทศอียูรวมทั้งฝรั่งเศส อิตาลี และเยอรมนีต้องส่งเครื่องบิน รถบรรทุก และเจ้าหน้าที่มาช่วยดับไฟในสวีเดน ที่ปกติอุณหภูมิในฤดูร้อนอยู่ที่เกือบ 23 องศาเซลเซียสเท่านั้น แต่ปีนี้ร้อนจนเกิดวิกฤติไฟป่า เผาไหม้ไปแล้ว 1.56 แสนไร่ หรือสองเท่าของพื้นที่กรุงปารีส เจ้าหน้าที่ยังควบคุมไฟไม่ได้อย่างน้อย 4 จุด และสภาพอากาศก็ไม่เป็นใจ ก่อนหน้านี้สวีเดนเคยประสบภัยแล้งอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน และอุณหภูมิพุ่งสูงสุดในรอบ 100 ปี

ส่วนปีนี้ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค.เป็นต้นมาสวีเดนแทบไม่มีฝนตกเลย นอกจากตกเล็กๆ น้อยๆ วัดได้ 13 มิลลิเมตรเมื่อกลางเดือน มิ.ย.
สำนักงานป่าไม้แถลงว่า ไฟป่าสวีเดนเผาป่าเสียหาย 87 ล้านยูโร

ขณะเดียวกันประเทศยุโรปเหนืออื่นๆ ก็ต้องพยายามสกัดไฟ ขณะที่อุณหภูมิสูงต่อเนื่องไม่มีทีท่าลดลง ที่จังหวัดแลปแลนด์ทางเหนือสุดของฟินแลนด์ ไฟเผาผลาญป่าไม้และทุ่งหญ้าใกล้ชายแดนรัสเซีย

นอร์เวย์ ที่ปีนี้เจออากาศร้อนสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเดือน พ.ค. ก็เกิดไฟป่าเล็กๆ หลายจุดด้วยกัน เจ้าหน้าที่ดับเพลิงคนหนึ่งต้องสังเวยชีวิตเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ขณะพยายามสกัดไฟ

ในลัตเวียไฟเผาผลาญต่อเนื่องเป็นเวลา 5 วันทำลายพื้นที่ทางภาคตะวันตกของประเทศกว่า 5,000 ไร่ นักอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อุณหภูมิยังคงสูงต่อเนื่องและไม่มีฝนตกไปอีก 2 สัปดาห์

ที่อังกฤษ สำนักงานอุตุนิยมวิทยาออกประกาศเตือนภัยคลื่นความร้อน มีผลตั้งแต่เวลา 9.00 น.วันจันทร์ (23 ก.ค.) ไปจนถึง 9.00 น. วันศุกร์ (27 ก.ค.) ในแถบมิดแลนด์ ภาคตะวันออกเฉียงใต้ และภาคตะวันออก ที่มีโอกาสถึง 90% ว่า 2 วันในช่วงดังกล่าวอุณหภูมิจะทะลุ 30 องศาเซลเซียสในช่วงกลางวัน และ 15 องศาเซลเซียสในช่วงกลางคืน จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงแสงแดด ทำบ้านให้เย็นที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทาสีทับและปิดหน้าต่างอาจช่วยได้ แล้วค่อยเปิดหน้าต่างในช่วงกลางคืนเมื่ออากาศเย็นลง รวมถึงดื่มน้ำบ่อยๆ และหากมีคนที่ต้องดูแล เช่น คนชราต้องแจ้งข้อมูลการดูแลตัวเองให้ทราบ