ปปง.ขอศาลยึดทรัพย์ 'เกษม-พวก' ส่อเอี่ยวตั๋วสัญญา2.5พันล.

ปปง.ขอศาลยึดทรัพย์ 'เกษม-พวก' ส่อเอี่ยวตั๋วสัญญา2.5พันล.

ราชกิจจาประกาศ ปปง. แจ้งเตรียมขอศาลยึดทรัพย์ "เกษม กลั่นยิ่ง และพวก" ชั่วคราว 30 รายการ เปิดให้อุทธรณ์ภายใน 30 วัน กรณีนำเงินกองทุนสนับสนุนพิเศษฯ 2.5 พันล้านบาทไปซื้อตั๋วสัญญากับบ.บิลเลี่ยนฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษาได้ประกาศเมื่อวันที่ 20 ก.ค.2561 ว่าประกาศพนักงานเจ้าหน้าที่ สำนักงาน ปปง. ลงวันที่ 18 ก.ค. 2561 เรื่องให้ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอคุ้มครองสิทธิจากการกระทำความผิดมูลฐาน ใจความว่า ด้วยคณะอนุกรรมการธุรกรรมได้มีมติครั้งที่ 13/2561 เมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2561 ให้ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด นายเกษม กลั่นยิ่ง กับพวกไว้ชั่วคราว จำนวน 30 รายการ พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน


อาศัยอำนาจตามความในข้อ 4 แห่งระเบียบคณะกรรมการธุรกรรมว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหายในความผิดมูลฐานตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2559 จึงขอให้ผู้เสียหายที่ได้รับความเสียหายและไม่อาจดำเนินการเพื่อขอคืนทรัพย์สินหรือชดใช้คืนความเสียหายดังกล่าว หรือดำเนินการตามกฎหมายอื่นแล้วแต่ไม่เป็นผล ยื่นคำร้องพร้อมหลักฐานแสดงรายละเอียดแห่งความเสียหายและจำนวนความเสียหายที่ได้รับ ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ณ สำนักงานปปง. ภายในกำหนดเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ทั้งนี้ตามแนบคำร้องเพื่อขอให้ศาลมีคำสั่งให้นำทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไปคืนหรือชดใช้ให้แก่ผู้เสียหายในความผิดมูลฐานซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ที่ http://www.amlo.go.th/amlo-intranet/media/k2/attachments/ks04.pdf


วันนี้ (23 ก.ค.) นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กล่าวว่า ได้ทราบประกาศฉบับดังกล่าว ซึ่งเรื่องนี้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย และทางสำนักงาน ปปง.ยังไม่มีหนังสือแจ้งเป็นทางการแจ้งมาให้ สำนักงาน สกสค. ทำให้ยังไม่เห็นรายละเอียดและไม่สามารถพูดอะไรได้มากนัก แต่ก็ได้รายงานเรื่องดังกล่าวด้วยวาจาให้ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ ทราบแล้ว
"ยังต้องมีกระบวนการทางกฎหมายที่ ปปง.ต้องดำเนินการ แต่สกสค.จะทำหนังสือประสานไปยังสำนักงาน ปปง.รวมถึงหารือกับทางอัยการปรึกษาในแง่กฎหมายว่าจะขอทรัพย์ที่ยึดได้คืนมาให้กับสำนักงาน สกสค.ซึ่งตรงนี้ผมยังไม่รู้ว่าปปง.ยึดทรัยพ์ได้มากเท่าไร เลยขอยังไม่พูดรายละเอียด"นายพินิจศักดิ์ กล่าว


อนึ่ง กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากอดีตผู้บริหารสกสค.นำเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ของกองทุนการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) จำนวน 2,500 ล้านบาท ไปซื้อตั๋วสัญญากับบริษัทบิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด เพื่อนำไปลงทุนในโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ต่อมาในสมัย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ องคมนตรี ดำรงตำแหน่งรมว.ศึกษาธิการ ได้สั่งการให้ สกสค.แจ้งความดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร สกสค. 2 ราย ได้แก่ นายสมศักดิ์ ตาไชย อดีตเลขาธิการ สกสค.และ นายเกษม กลั่นยิ่ง อดีตประธานคณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษ ช.พ.ค. และแจ้งความดำเนินคดีกับกรรมการบริหารบริษัทบิลเลี่ยนฯ 9 ราย ในข้อหาสนับสนุนให้เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และทำลาย หรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งตรา หรือเครื่องหมายอันเจ้าพนักงานได้ประทับ หรือหมายไว้ในการปลอมแปลงตั๋วสัญญา


ขณะที่ ปปง.มีมติเห็นชอบให้อายัดทรัพย์อดีตผู้บริหาร สกสค.กับพวก และบริษัทบิลเลี่ยนฯ รวม 2 ครั้ง จำนวน 153 รายการ มูลค่า 500-800 ล้านบาท เพราะมีพฤติการณ์เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานรัฐ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น อันเป็นมูลฐานความผิดตามพ.ร.บ.ฟอกเงิน นอกจากนั้นสกสค.มีคำสั่งลงโทษไล่ออกอดีตผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่ สกสค.รวม 7 คน โดย นายสมศักด์ ตาไชย อดีตเลขาธิการ สกสค.ลงนามคำสั่งโดย นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ในฐานะประธาน สกสค. มีมูลเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐาน ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเที่ยงธรรม ตามสำนวนไต่สวนข้อเท็จจริงของ ป.ป.ช.ส่วนเจ้าหน้าที่อีก 6 คน ลงนามคำสั่งลงโทษไล่ออกโดย นายพิษณุ ตุลสุข อดีตรองปลัด ศธ.ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.ในขณะนั้น

ปปง.ขอศาลยึดทรัพย์ \'เกษม-พวก\' ส่อเอี่ยวตั๋วสัญญา2.5พันล.