ดาวโจนส์ร่วงหวั่นสหรัฐ-จีนเปิดศึกการค้ารอบใหม่

ดาวโจนส์ร่วงหวั่นสหรัฐ-จีนเปิดศึกการค้ารอบใหม่

หลัง"ทรัมป์"ขู่เก็บภาษีสินค้าจีน 5 แสนล้านดอลล์

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันศุกร์ (20ก.ค.)ตามเวลาสหรัฐ ปรับตัวลง จากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน นอกจากนี้ การที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวหาจีนและสหภาพยุโรปปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการที่ปธน.ทรัมป์ ยังคงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีกครั้งในวันนี้ ล้วนเป็นปัจจัยฉุดตลาด  แต่การพุ่งขึ้นของหุ้นไมโครซอฟท์ช่วยสกัดช่วงติดลบในตลาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 6.38 จุดหรือ 0.03% ปิดที่ 25,058.12 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลบ 2.66 จุดหรือ 0.09% ปิดที่ 2,801.83 จุด และดัชนีแนสแด็ก ปรับตัวลง 5.10 จุดหรือ 0.07% ปิดที่ 7,820.20 จุด

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากจีน หากมีความจำเป็น โดยในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซี ซึ่งมีการแพร่ภาพในวันนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า "ผมพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรต่อสินค้านำเข้าจากจีนในวงเงินสูงถึง 5 แสนล้านดอลลาร์ ผมไม่ได้ทำสิ่งนี้เพราะเล่นการเมือง แต่ผมกำลังทำสิ่งที่ถูกต้องสำหรับประเทศของเรา เราได้ถูกจีนเอาเปรียบมานานแล้ว ผมไม่ต้องการทำให้พวกเขากลัว และผมชอบท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจริงๆ แต่เราก็ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม”

ทั้งนี้ วงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์ดังกล่าวเทียบเท่ากับวงเงินสินค้าจีนที่นำเข้าสหรัฐในปีที่แล้ว ซึ่งมีมูลค่า 5.055 แสนล้านดอลลาร์ ขณะที่สหรัฐส่งออกสินค้าไปยังจีนคิดเป็นมูลค่าเพียง 1.299 แสนล้านดอลลาร์

ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ กล่าวหาว่า จีนและสหภาพยุโรปกำลังปั่นค่าเงินเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจสหรัฐ

“จีนและสหภาพยุโรป และประเทศอื่นๆ ได้ทำการปั่นค่าเงิน และปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่สหรัฐกำลังปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และดอลลาร์กำลังแข็งค่าขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน ทำให้สหรัฐสูญเสียความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม” ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ ยังได้ทวีตข้อความวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดอีกครั้งหนึ่ง

“สหรัฐไม่ควรถูกทำโทษเพราะเศรษฐกิจกำลังไปได้ดี การขึ้นดอกเบี้ยในขณะนี้จะส่งผลกระทบต่อสิ่งที่เราได้ทำ สหรัฐควรได้รับโอกาสในการรับสิ่งที่สูญเสียไปจากการที่ประเทศอื่นปั่นค่าเงิน และทำข้อตกลงที่เอาเปรียบสหรัฐ” ข้อความในทวีตเตอร์ระบุ

การทวีตข้อความดังกล่าว ถือเป็นการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของเฟดเป็นครั้งที่ 2 ของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่เขาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า การดำเนินนโยบายของเฟดอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าว หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในสัปดาห์นี้ ซึ่งเขาได้ส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้

“ผมไม่รู้สึกยินดีต่อการทำงานของเฟด เพราะทุกครั้งที่เศรษฐกิจปรับตัวขึ้น พวกเขาก็ต้องการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก ซึ่งผมไม่ค่อยสบายใจต่อเรื่องนี้ แต่ขณะเดียวกัน ผมก็ปล่อยให้พวกเขาทำในสิ่งที่พวกเขามองว่าดีที่สุด แต่ผมไม่ชอบงานของพวกเขาซึ่งได้กระทบต่อสิ่งที่เราทำ” ปธน.ทรัมป์กล่าว

ขณะที่ราคาหุ้นไมโครซอฟท์ อิงค์พุ่งขึ้น 3% ในวันนี้ หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีกว่าคาดในไตรมาสที่สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. ซึ่งเป็นไตรมาสที่ 4 ในปีงบดุลบัญชีของบริษัท

ทั้งนี้ ไมโครซอฟท์ระบุว่ามีกำไร 1.13 ดอลลาร์/หุ้น โดยสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.08 ดอลลาร์/หุ้น

นอกจากนี้ บริษัทรายงานรายได้ที่ระดับ 3.009 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.921 หมื่นล้านดอลลาร์