'พาณิชย์' แจง TFRS 9 ไม่ได้ทำให้สถาบันการเงินปล่อยกู้น้อยลง

'พาณิชย์' แจง TFRS 9 ไม่ได้ทำให้สถาบันการเงินปล่อยกู้น้อยลง

"พาณิชย์" คลายความกังวล SMEs แจง TFRS 9 ไม่ได้ทำให้สถาบันการเงินปล่อยกู้น้อยลง มั่นใจมีผลดีรอบด้าน สะท้อนการดำเนินธุรกิจได้ดี รัฐ-เอกชนบูรณาการให้คำปรึกษา สร้างความรู้ความเข้าใจ..พร้อมให้คำแนะนำเชิงลึกทุกกรณี

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการกำกับดูแลการประกอบวิชาชีพบัญชี (กกบ.) เปิดเผยว่า “ในวันอังคารที่ 17 กรกฎาคม 2561 ได้มีการประชุมคณะ กกบ. มีประเด็นหลักที่ต้องพิจารณา คือ เนื้อหาของร่างมาตรฐานการรายงานทางการเงิน – กลุ่มเครื่องมือทางการเงิน รวม 5 ฉบับ รวมถึง ผลการศึกษาของคณะอนุกรรมการศึกษามาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการนำมาตรฐานการรายงานทางการเงิน – กลุ่มเครื่องมือทางการเงิน (TFRS 9) ไปปฏิบัติที่ กกบ. แต่งตั้งขึ้น


ประเทศไทยมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาระบบบัญชีให้มีความสอดคล้องกับมาตรฐานการบัญชีสากลเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือกรณีที่ต้องทำการระดมทุน กู้ยืมเงิน ด้วยต้นทุนการจัดทำงบการเงินที่เหมาะสม สำหรับ TFRS 9 สภาวิชาชีพบัญชีได้มีการยกร่างมาตรฐานฯ ตั้งแต่ปี 2558 และได้ดำเนินการร่วมกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในการเตรียมความพร้อมให้กับธุรกิจที่ต้องใช้มาตรฐานฯดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน


ปลัด ก.พณ. กล่าวต่อว่า “สำหรับข้อกังวลว่าเมื่อสถาบันการเงินใช้ TFRS 9 แล้วจะต้องมีการกันสำรองเพิ่มขึ้น และจะส่งผลให้ปล่อยกู้ยากขึ้นนั้น จากผลการศึกษาฯ ทำให้ กกบ. ทราบว่าสถาบันการเงินได้มีการทยอยกันสำรองมาอย่างต่อเนื่องและมีการเตรียมความพร้อมให้กับสถาบันการเงินด้านองค์ความรู้ และให้สถาบันการเงินเตรียมการด้านบุคลากรและระบบงานไว้ตั้งแต่ปี 2558 และให้ใช้หลักการของการกันสำรองตาม IFRS 9 ตั้งแต่ปี 2559 แล้ว โดยการปล่อยกู้จะเป็นไปตามนโยบายการบริหารความเสี่ยงของแต่ละธนาคาร ที่พิจารณาจากความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้เป็นหลัก”


“นอกจากนี้สถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งดูแลผู้ประกอบการรายย่อย เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ธนาคาร SME ธนาคารออมสิน ฯลฯ ยังไม่ต้องใช้มาตรฐานฯนี้พร้อมกับธนาคารพาณิชย์”


“สำหรับมาตรการสนับสนุนการเตรียมความพร้อม การสร้างองค์ความรู้ และแนวทางการลดผลกระทบจากการนำ TFRS 9 มาใช้นั้น กกบ. เห็นชอบแผนการดำเนินงาน เพื่อลดผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น ขณะนี้ได้มีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจทำหน้าที่ให้คำปรึกษา ประกอบด้วย สภาวิชาชีพบัญชี สำนักงานสอบบัญชีขนาดใหญ่ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธปท. ก.ล.ต. สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน กรมสรรพากร และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยจะร่วมกันจัดทำคู่มือ ตัวอย่างการคำนวณเงินสำรองอย่างง่าย จะมีการปรับปรุงหลักสูตรการอบรมให้ครอบคลุมหลักการพื้นฐาน และเน้นการทำการอบรมเชิงปฏิบัติการ หรือ Workshop มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะมีการจัดทำคำอธิบาย หรือการตีความมาตรฐานให้เหมาะสมกับบริบทของประเทศไทย (Local Interpretation) เพื่อให้มีความยืดหยุ่น สร้างเข้าใจและสามารถนำไปปฏิบัติได้ในทิศทางเดียวกัน โดยเป็นไปตามหลักการของ TFRS 9 ทั้งนี้ กกบ. มอบทุกหน่วยงานที่รับผิดชอบกลับไปจัดทำแผนงานอย่างละเอียด และให้กลับมานำเสนอต่อคณะกรรมการ ในการประชุมครั้งต่อไป และให้รายงานผลการดำเนินงานต่อ กกบ. เป็นระยะๆ” ปลัด ก.พณ. กล่าวทิ้งท้าย