SCC - ซื้อ

SCC - ซื้อ

กำไรขาลงกำลังจะจบ

เราเชื่อว่าผลประกอบการไตรมาส 2/61 ที่จะประกาศในสัปดาห์หน้าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำหรับราคาหุ้น SCC เนื่องจากเราคาดกำไรของบริษัทจะแตะจุดต่ำสุดในไตรมาสดังกล่าว จากนั้นจะปรับตัวสูงขึ้นในครึ่งหลังของปี 2561 แม้โอกาสที่จะเห็นการเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลอาจไม่มีเนื่องจากบริษัทต้องใช้เงินสำหรับลงทุนโครงการ Long Son Petrochemical ในประเทศเวียดนาม แต่เรามองว่าผลตอบแทนเงินปันผล ณ ปัจจุบันที่ 4.5% นั้นน่าสนใจมาก เรายังคงคำแนะนำ “ซื้อ” SCC โดยให้ราคาเป้าหมายสิ้นปี 2561 ที่ 580 บาท

คาดไตรมาส 2/61 จะเป็นไตรมาสสุดท้ายที่กำไรเป็นขาลง

กำไรของ SCC ลดลง YoY ทุกไตรมาสตั้งแต่ไตรมาส 2/60 โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์เคมีที่หดตัว และการแข็งค่าของเงินบาท แม้ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงตั้งแต่เดือนเม.ย. เราคาดกำไรไตรมาส 2/61 ของ SCC จะยังคงลดลง 7% YoY มาอยู่ที่ 1.23 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากกำไรธุรกิจเคมีที่ลดลงจาก conversion cost ที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามไตรมาส 2/61 น่าจะเป็นไตรมาสสุดท้ายที่บริษัทจะรายงานผลประกอบการหดตัว YoY เนื่องจาก 1) ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่กว้างขึ้นจากอุปสงค์-อุปทานที่
สมดุลมากขึ้นน่าจะกลบผลกระทบจาก conversion cost ที่สูงขึ้น และ 2) กำไรธุรกิจซีเมนต์ฟื้นตัว

คาดกาไรธุรกิจปิโตรเคมีจะทาจุดต่าสุดในไตรมาส 2/61

เราคาดกำไรธุรกิจปิโตรเคมี สำหรับไตรมาส 2/61 ที่ 7.9 พันล้านาท ลดลง 13% YoY และ 3% QoQ โดยสาเหตุที่ผลประกอบการลดลง YoY เนื่องจาก conversion cost ที่สูงขึ้นตามราคาแนฟทา (อยู่ที่ 641 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในไตรมาส 2/61 เทียบกับที่ 446 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในไตรมาส 2/60) มีผลมากกว่าส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาที่ขยายตัว YoY ในขณะที่กำไรที่คาดว่าจะอ่อนตัวลง QoQ นั้นมาจากส่วนต่างราคาปิโตรเคมีที่ลดลงตามปัจจัยทางฤดูกาล และ conversion cost สูงขึ้น เราเชื่อว่ากำไรธุรกิจปิ
โตรเคมีในไตรมาส 2/61 จะเป็นจุดต่ำสุด และจะกลับมาเติบโตในครึ่งหลังของปี 2561 หนุนโดย 1) อุปสงค์-อุปทานสมดุลมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ส่วนต่างราคาโอเลฟินส์กว้างขึ้น 2) ไตรมาส 3/61 ถึงต้นไตรมาส 4/61 เป็นช่วงไฮซีซั่นของอุปสงค์ 3) ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐมีแนวโน้มอ่อนตัวลงอีก และ 4) conversion cost ต่ำลง เนื่องจากราคาแนฟทาน่าจะทำจุดสูงสุดในไตรมาส 2/61

ธุรกิจซีเมนต์กำลังฟื้นตัว

ความต้องการใช้ซีเมนต์ในประเทศน่าจะทรงตัว YoY ในไตรมาส 2/61 ขณะที่ยอดขายวัสดุก่อสร้างน่าจะยังอ่อนแอ เนื่องจากโครงการที่พักอาศัยและโครงการพาณิชย์ต่างๆที่เพิ่งเปิดตัวยังไม่เริ่มก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าธุรกิจซีเมนต์จะรายงานกำไรเติบโตสูงถึง 21% YoY มาอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท หนุนโดยราคาซีเมนต์สูงขึ้นและการประหยัดขนาดของโรงงานซีเมนต์แห่งใหม่ในประเทศเพื่อนบ้าน แนวโน้มน่าจะดียิ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2561 เนื่องจากเราคาดความต้องการใช้ซีเมนต์ในประเทศจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง หนุนโดยการใช้ซีเมนต์สำหรับโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคภาครัฐ และการเริ่มก่อสร้างโครงการที่พักอาศัยและโครงการพาณิชย์ ความต้องการใช้ที่มากขึ้นนี้จะช่วยหนุนให้ราคาซีเมนต์ปรับตัวสูงขึ้นอีกและเกิดการประหยัดขนาดจากการใช้อัตรากาลังการผลิตที่