ตัวเลขศก.สดใสหนุนดาวโจนส์ปิดบวก

ตัวเลขศก.สดใสหนุนดาวโจนส์ปิดบวก

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพุธ (18ก.ค.)ตามเวลาท้องถิ่น ในแดนบวกขณะที่นักลงทุนคาดการณ์ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนสดใส และตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐยังแกร่ง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 79.4 จุดหรือ 0.32% ปิดที่ 25,199.29 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500  เพิ่มขึ้น 6.07 จุดหรือ 0.22% ปิดที่ 2,815.62 จุดและดัชนีแนสแด็ก ร่วงลง 0.67 จุดหรือ 0.01% ปิดที่ 7,854.44 จุด

ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสเป็นวันที่ 2 ในวันนี้ โดยแสดงความวิตกเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งสร้างความเสี่ยงที่รุนแรงต่อนักลงทุน พร้อมทั้งระบุว่า “สกุลเงินดิจิทัลไม่ใช่สกุลเงินจริง เนื่องจากไม่มีมูลค่าที่แท้จริง”

นอกจากนี้ ในการกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ นายพาวเวลกล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วเพียงพอที่จะทำให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ ขณะที่เฟดมองว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างค่อยเป็นค่อยไปยังคงเป็นการดำเนินการที่เหมาะสม

เศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยได้แรงหนุนจากมาตรการกระตุ้นทางการคลัง, ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค, การลงทุนในภาคธุรกิจ, ความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นในภาคครัวเรือน, การขยายตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ และสภาวะทางการเงินที่ผ่อนคลายภายในประเทศ ขณะที่อัตราว่างงานอยู่ในระดับต่ำ"นายพาวเวล กล่าว

ที่ผ่านมา บริษัทจดทะเบียนสามารถรายงานผลประกอบการที่สดใสในไตรมาส 2 โดยบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ราว 9% ที่ได้รายงานผลประกอบการแล้ว ระบุว่าบริษัทมีผลกำไรพุ่งขึ้นเฉลี่ย 22.1% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ร่วงลง 0.3% หลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (อียู) ประกาศปรับบริษัทกูเกิล อิงค์ เป็นเงินจำนวน 4.34 พันล้านยูโร (5.04 พันล้านดอลลาร์) ในวันนี้ ในข้อหาผูกขาดตลาดด้วยการใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ในการสกัดคู่แข่งในตลาด ซึ่งถือเป็นการละเมิดกฎระเบียบด้านการแข่งขันของอียู

ขณะที่ราคาหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์พุ่งขึ้น 3.3% หลังเปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรพุ่งขึ้น 39% สู่ระดับ 2.44 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 2 ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 2 พันล้านดอลลาร์ โดยมีกำไรที่ระดับ 1.30 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.11 ดอลลาร์/หุ้น และธนาคารมีรายได้ 1.06 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.01 หมื่นล้านดอลลาร์